วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นายกฯลงพื้นที่ “ชุมชนบ้านบุ” ไม่แจ้งล่วงหน้า ยันการเกณฑ์ทหารยังจำเป็น

On November 22, 2019

วันนี้ (22 พ.ย.) ที่ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุมชนบ้านบุ ดูงานหัตถกรรม “ขันลงหินบ้านบุ” มรดกทางปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนซึ่งควรอนุรักษ์ไว้ กับ “ตลาดไร้คาน” โดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า

โดยจุดแรกที่วัดสุวรรณารามมีนักเรียนจากโรงเรียนสุวรรณารามมารอให้การต้อนรับ ซึ่งทันทีที่นายกฯเดินทางมาถึงได้พูดคุยทักทายกับคณะนักเรียนก่อนจะถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก โดยนายกฯได้เรียกนายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขตบางกอกน้อย มาถ่ายภาพร่วมกัน พร้อมกล่าวว่า รัก ส.ส. ต้องรักนายกฯด้วย นายกฯก็ต้องรักษา ส.ส. นายกฯไม่ได้มีอะไรกับใครอยู่แล้ว จากนั้นนักเรียนได้กล่าวให้การต้อนรับพร้อมแนะนำสถานที่สำคัญของพื้นที่ในเขตชุมชนบ้านบุ นายกฯจึงกล่าวว่า หลายอย่างเป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ซึ่งจะหายไปไม่ได้ เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเราสร้างกันมา

ต่อจากนั้นนายกฯได้เข้าสักการะหลวงพ่อพระศาสดา พระประธานในพระอุโบสถ รวมทั้งได้กราบนมัสการพระเทพสุวรรณเมธี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ซึ่งได้มอบพระพุทธรูปจำลองหลวงพ่อพระศาสดา ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ก่อนที่นายกฯจะสนทนากับเจ้าอาวาสตอนหนึ่งว่า คนไทยจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่รู้แบบงูๆปลาๆแล้วมีคนมาบิดเบือนได้ เพื่อที่จะได้รักษารากเหง้าและวัฒนธรรมของประเทศไว้ ช่วงหนึ่งเจ้าอาวาสกล่าวว่า คนที่จะต้องเข้าเกณฑ์ทหารใหม่มักจะมาบนที่วัดแห่งนี้ เพราะมีความเชื่อว่ามาบนที่นี่แล้วจะไม่ถูกทหาร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเกณฑ์ทหารมีความสำคัญ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือสังคม และสร้างความเป็นธรรมให้กับคนทุกคน คนที่เรียนหนังสือสูงๆก็มีกฎเกณฑ์ผ่อนผัน จะสมัครเป็นทหารก็ได้หรือจะผ่อนผันก็ได้ ตรงนี้เรามีความเป็นธรรมให้อยู่แล้ว แล้วจะไม่ให้มีทหาร พอถึงเวลาแล้วจะไปเกณฑ์มามันไม่ได้ เพราะออกรบไม่ได้ จำเป็นต้องผ่านการฝึก กองหนุนต่างๆต้องมี ถือว่าวันนี้ทหารยังมีความจำเป็น ไม่เชื่อให้ถาม พล.อ.อนุพงษ์ได้ ตนมีความกังวลตรงนี้ เป็นเรื่องการสร้างความเท่าเทียม ไม่ใช่ว่าคนรวยจะไม่ต้องไปเป็นทหาร มันไม่ใช่ หลักเกณฑ์เขามีอยู่แล้ว เป็นการเตรียมกำลังช่วงที่ไม่มีภาวะสงคราม เรามีขั้นตอนและความพร้อม แบ่งเป็นการเตรียมกำลังกับการใช้กำลัง มีทั้งกองเกิน กองหนุน ถ้าไม่ให้เป็นทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ จากนั้นเจ้าอาวาสได้มอบหนังสือในเรื่องความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้กับนายกฯด้วย

ต่อจากนั้นนายกฯได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนจะให้อาหารปลาที่บริเวณท่าน้ำร่วมกับนักเรียน และเดินไปทักทายเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดกรุงเทพฯว่า เป็นอย่างไรกันบ้าง ลำบากกันไหม ก่อนจะถ่ายภาพร่วมกัน

โดยเจ้าหน้าที่ กทม. ได้เข้ามาสวมกอดนายกฯพร้อมบอกว่า “ท่านเป็นตัวอย่างในการทำงานของหนูเลยค่ะ” ก่อนที่นายกฯจะหันไปถามเด็กว่ารู้จักไหมว่าใคร ซึ่งเด็กตอบว่ารู้จัก นายกฯจึงบอกว่าขอให้ตั้งใจเรียน

ขณะเดียวกันนายกฯได้สอบถามนักเรียนว่า ในชุมชนมีผู้นับถือศาสนาใดบ้าง พร้อมระบุว่าทุกศาสนาเป็นการสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ จากนั้นได้มีกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนรอต้อนรับนายกฯ โดยนายกฯได้สวมกอดและถ่ายรูปร่วมกันอย่างอารมณ์ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนหนึ่งนายกฯได้เข้าไปพูดคุยกับบรรดาแม่ค้าที่นำขนมไทยโบราณในชุมชนมามอบให้ โดยพูดไปพร้อมจับที่ข้อมือแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งใส่กำไลทอง พร้อมเอามือแม่ค้าลูบที่ท้องนายกฯแล้วถามว่า เศรษฐกิจยังพอได้อยู่ไหม มีทองใส่อยู่แสดงว่าเศรษฐกิจยังพอได้นะ ช่วยๆรัฐบาลอธิบายเดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ ขณะเดียวกันยังเดินเข้าไปทักทายผู้สูงอายุถึงในบ้าน ซึ่งนายกฯได้สอบถามเรื่องสุขภาพพร้อมอวยพรขอให้อายุยืน

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมโรงงานขันลงหินบ้านบุ ซึ่งเป็นมรดกทางปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โดยปัจจุบันนางเมตตา เสลานนท์ ทายาทรุ่นที่ 6 เป็นผู้สืบทอดงานหัตถกรรมขันลงหิน ซึ่งนางเมตตาได้มอบขันลงหินขนาด 6 นิ้ว ราคาไม่เกิน 3,000 บาท ให้นายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้ซื้อขันลงหินจำนวน 1 ชุด ราคา 16,000 บาท

โอกาสนี้นายกฯได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับช่างตีขันหิน ซึ่งทำกับภรรยามากว่า 46 ปีแล้ว ว่าให้สืบทอดภูมิปัญญาไม่ให้สูญหาย พร้อมบอกให้นางเมตตาดูแลช่างให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นการลงพื้นที่โดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า โดยทราบข่าวจากการโพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวของนายกฯเพียง 30 นาทีเท่านั้น เนื่องจากนายกฯอยากเห็นสภาพจริงของชุมชนโดยไม่มีการจัดเตรียมไว้ แม้กระทั่งตำรวจในพื้นที่บางส่วนก็ทราบว่านายกฯจะมีการลงพื้นที่หลังจากที่นายกฯเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว

ทั้งนี้ สาเหตุการลงพื้นที่ของนายกฯในครั้งนี้เนื่องจากมีการรายงานให้รับทราบว่าชุมชนดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มซบเซา มีเพียงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบางส่วนเท่านั้นที่ยังเดินทางมาท่องเที่ยวอยู่ จึงอยากให้นายกฯเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว


You must be logged in to post a comment Login