วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ฮอนด้าเปิดตัว “ฮอนด้าซิตี้ ใหม่” เจเนอเรชันที่ 5ครั้งแรกในโลก

On November 26, 2019

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดเปิดตัวฮอนด้าซิตี้ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย อีกขั้นแห่งยนตรกรรมซิตี้คาร์ที่พร้อมขับเคลื่อนพาคุณให้ไปไกลเกินกว่าทุกความคาดหมายและเปิดทุกความเป็นไปได้ด้วยอีกขั้นแห่งความสปอร์ตหรูหราของดีไซน์ภายนอก ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและหรูหราเกินคลาสพร้อมท้าทายทุกการขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทอร์โบเครื่องยนต์1.0ลิตรVTEC TURBO 122 แรงม้า ที่ทรงพลังและให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยพิเศษครั้งแรกกับรุ่น RS ที่พร้อมตอกย้ำความสปอร์ตเร้าใจ ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS รอบคัน อีกทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เจเนอเรชันล่าสุดมาพร้อมสีใหม่ สีแดงอิกไนต์(Ignite Red)ร่วมสัมผัสฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 36 (The 36th Thailand International Motor Expo 2019)ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน –10 ธันวาคม 2562 และพบกันที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่24ธันวาคม 2562 เป็นต้นไปสำหรับลูกค้าที่จอง ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ตั้งแต่วันที่25พฤศจิกายน2562 – 31ธันวาคม2562และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม2563พร้อมรับนาฬิกาFitbit Smart Tracker  รุ่น Charge3 สี Graphite/Black  มูลค่า 6,490 บาท

2

มร.มาซายูคิ อิงาราชิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ งานปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัดกล่าวว่า “ฮอนด้าซิตี้นับเป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สำคัญของฮอนด้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นยนตรกรรมสำหรับภูมิภาค (Regional Model)โดยเปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียเมื่อปี พ.ศ. 2539  และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เจเนอเรชัน 1 ถึง เจเนอเรชัน 4 ด้วยยอดขายสะสมใน 60 ประเทศทั่วโลกกว่า 4 ล้านคัน ซึ่งภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียเป็นตลาดที่สำคัญของฮอนด้าซิตี้ เห็นได้จากยอดขายกว่า 100,000 คัน ในปี 2562 (มกราคม – กันยายน2562) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า70%จากยอดขายฮอนด้าซิตี้ทั่วโลก และประเทศไทย ถือเป็นตลาดหลักของฮอนด้าซิตี้ทั้งในแง่ของการเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงอีกทั้งเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้าในภูมิภาคอีกด้วยในวันนี้ลูกค้าชาวไทยจะได้สัมผัสกับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลก โดยจะเป็นยนตรกรรมที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าและสร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไทยได้อีกครั้งหนึ่ง”

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดเผยว่า“ฮอนด้าซิตี้ เป็นยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระดับรถซิตี้คาร์ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดซับคอมแพคท์จากความสำเร็จของฮอนด้าซิตี้กว่า 2 ทศวรรษ การพัฒนาฮอนด้าซิตี้เจเนอเรชันใหม่จึงถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ โดยจะเป็นรถซิตี้คาร์ที่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมและเหนือกว่ารถในระดับเดียวกันในทุกด้านแต่ยังเพิ่มความคุ้มค่าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ซึ่งมาพร้อมราคาที่ปรับลดลงในทุกเกรด ด้วยคุณค่าใหม่นี้ ฮอนด้าซิตี้เจเนอเรชันที่ 5 จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้ง”

ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตและสง่างามสะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคมโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LEDกระจังหน้าแบบโครเมียมเสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนทุกสุนทรียภาพให้กว้างขวางกว่าที่เคยด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระเพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่งทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมาพร้อมความหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้นในโทนสีดำ หรือเบาะหนังและภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV) คอนโซลหน้าแบบ Piano Black  มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียมตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด8 นิ้ว แบบ Advanced Touchรองรับการเชื่อมต่อ  Apple CarPlayและระบบสั่งการด้วยเสียง SIRIพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติเป็นต้น

3

ครั้งแรกกับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ รุ่น RSที่เปลี่ยนมุมมองรถซิตี้คาร์ให้สปอร์ตหรูหรามากกว่าที่เคย ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคันโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบLED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสง
สีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์(Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS

ท้าทายข้อจำกัดทุกการขับขี่ด้วยขุมพลังเทอร์โบใหม่เครื่องยนต์1.0ลิตรDOHC VTEC TURBO3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็วให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173นิวตัน-เมตรที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาทีให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม)และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT)ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตรตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติโดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5)ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่99กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย

เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม6 ตำแหน่งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก(ABS)  พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ(Multi-angle Rearview Camera)

ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นได้แก่

รุ่น RS     ราคา739,000บาท

รุ่น SV     ราคา665,000บาท

รุ่น V       ราคา609,000บาท

รุ่น S        ราคา579,500บาท

และมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีแดงอิกไนต์(เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RSสีขาวแพลทินัม (มุก)เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้าเฉพาะรุ่น V และรุ่น Sโดยมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ตั้งแต่วันที่25พฤศจิกายน2562 – 31ธันวาคม2562และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม2563 รับนาฬิกาFitbit Smart Tracker รุ่น Charge 3 สี Graphite/Black  มูลค่า 6,490 บาท

4

เสริมความสปอร์ตในสไตล์คุณไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคันที่มาพร้อมกับแนวคิด“Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกเช่นสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกราคา8,150บาทแป้นคันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ตราคา1,300บาทคิ้วบันไดLED ราคา4,400บาทล้ออัลลอยขนาด
15 นิ้วลายสปอร์ตราคา3,600บาท(ราคาต่อ1วงไม่รวมยาง)ไฟตัดหมอกแบบLED ราคา5,500บาทและกล้องหน้ารถราคา3,850บาท

นอกจากนี้ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจทั้งหมด3แพ็กเกจได้แก่

Modulo Aero Packageราคา15,500บาทประกอบด้วยสเกิร์ตหน้าแบบ2ชิ้นสเกิร์ตข้างและสเกิร์ตหลังแบบ2ชิ้น

Modulo Aero RS Packageราคา17,900บาทประกอบด้วยสเกิร์ตหน้าแบบ2ชิ้นสเกิร์ตข้างและสเกิร์ตหลังแบบ2ชิ้น

Modulo Aero Sport Packageราคา23,500บาทประกอบด้วยสเกิร์ตหน้าแบบ2ชิ้นสเกิร์ตข้างสเกิร์ตหลังแบบ2ชิ้นและสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก

ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัส ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ได้ที่บูทฮอนด้า (A14) ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่36 (The 36th Thailand International Motor Expo 2019) ตั้งแต่วันที่ 29พฤศจิกายน– 10ธันวาคม2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์2อิมแพ็คเมืองทองธานีและพบกับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลจากที่ปรึกษาการขายได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.honda.co.th/cityโดยสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive

5

หมายเหตุ:

– อุปกรณ์มาตรฐาน อาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

– สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และ สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000บาท

– ราคาแพ็กเกจชุดแต่งโมดูโล ไม่รวม VAT 7%

– รายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม สามารถอ่านได้จากhttps://hondaaccess.co.th/line-up/honda-city

-ข้อเสนอพิเศษสำหรับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด


You must be logged in to post a comment Login