- อย่าไปอินPosted 20 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
นายกฯย้ำไม่อนุญาตเรือสำราญเทียบท่าที่ไทย แต่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
วันนี้ (11 ก.พ. 63) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการแก้ไขป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า เรือสำราญที่จะขอจอดเทียบท่าเรือของไทยนั้น เราไม่อนุญาตให้จอด แต่เราจะดูแลในเรื่องของมนุษยธรรม อย่างการเติมน้ำมัน หรือต้องการน้ำ อาหาร เราจะส่งไปให้ ซึ่งจะมีมาตรการที่เหมาะสมเช่นเดียวกับต่างประเทศ ก็ขอให้เข้าใจ เพราะมีคนจำนวน 2,000 กว่าคนบนเรือ เราต้องระมัดระวังการแพร่กระจายไประยะที่ 3 วันนี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ยังควบคุมได้ หรือดูแลผู้ที่มาจากต่างประเทศได้ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จะประชุมและให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงมาตรการเตรียมการขั้นต้นไม่ให้นำไปสู่การแพร่ระบาด ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ถ้าเราทำได้ดีครบถ้วนทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
นายกฯกล่าวว่า นอกจากนี้ยังให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปประชุมหารือกับผู้ประกอบการผลิตหน้ากากอนามัยให้ผลิตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทราบว่าหลายโรงงานมีการเพิ่มวงรอบการผลิตเพื่อให้ประชาชนใช้ได้อย่างทั่วถึง และต้องมีมาตรการสำรองด้วย เพราะหลายประเทศขอมาเหมือนกัน ขณะนี้หน้ากากอนามัยขาดแคลนหลายประเทศ เราจึงต้องเตรียมการให้พร้อม และอยากฝากเรียนว่า วันนี้เราให้ความรู้ทั้งสาธารณสุข ทางการแพทย์ อาจจะใช้วิธีการทำหน้ากากอนามัยด้วยผ้า ซึ่งสามารถซักใช้ได้หลายครั้ง และจะทนทานมากกว่าใช้หน้ากากชั่วคราวแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีให้เพียงพอ ทั้งในส่วนที่จำหน่ายตามร้านค้า ต้องไปหาตั้งแต่ต้นทางมา ผลิตได้เท่าไร จะเพิ่มจำนวนเท่าไร อย่าลืมว่าที่ผ่านมาโรงงานทำด้วยกลไกทางการตลาดของเขาเอง ราคาก็เป็นจำนวนหนึ่ง เราจะดูว่าทำอย่างไรให้กระจายไปทุกพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้หน้ากากอนามัยไปร้านค้าประชารัฐส่วนหนึ่ง และร้านค้าต่างๆอีกส่วนหนึ่ง แต่ปริมาณผลิตไม่พอจึงขาดแคลน ต้องเร่งรัดตรงนี้ รัฐบาลยินดีพร้อมสนับสนุน ส่วนหนึ่งที่ได้รับมาก็นำไปแจกก็มี ทุกคนต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่าการผลิตของภาคเอกชนและองค์การเภสัชกรรม (อภ.) คนละแบบกัน อันนั้นเป็นเรื่องการตลาดการค้าของเขาที่มีค่าการตลาดอยู่พอสมควร ในส่วนของ อภ. ก็มีจำกัด ราคาจึงอาจแตกต่างกัน ก็ต้องดูว่าในส่วนไหนจะทำประโยชน์อย่างไร อย่างน้อยเราก็ได้กำชับไปในทางปฏิบัติให้ได้มากที่สุด วันนี้ได้พูดคุยกับ ครม. หลายประเด็นด้วยกัน ทั้งมาตรการระยะสั้น มาตรการระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องการขาดแคลน และในส่วนที่ต้องร่วมมือกับต่างประเทศด้วย
นายกฯกล่าวว่า หลายๆอย่างเราต้องวิเคราะห์สถานการณ์ให้ดี ถูกต้อง บนพื้นฐานกฎหมายของเรา ความปลอดภัยประชาชนของเรา เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุด
You must be logged in to post a comment Login