วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กรุงศรีเผยกลยุทธ์ธุรกิจปี 2563 มุ่งเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเงินในยุคดิจิทัล

On February 12, 2020

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ท่ามกลางความท้าทายนานัปการที่ภาคการธนาคารต้องเผชิญในปี 2562 กรุงศรียังคงส่งมอบผลงานที่โดดเด่นทั้งในด้านการเงิน และด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) ดังจะเห็นได้จากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่สูงที่สุดและคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารในกลุ่มสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) นอกจากนี้ ปีที่แล้วยังเป็นปีที่กรุงศรีออกจำหน่ายพันธบัตรที่คำนึงถึงเพศสภาพเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

สำหรับปี 2563 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน กรุงศรีจะยังคงเดินหน้าสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำในประเทศไทย ด้วยแผนเชิงยุทธศาสตร์ 3 ด้านที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม ประกอบด้วย 1) การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า 2) การใช้ประโยชน์จากศักยภาพด้านข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนองค์กร และ
3) การมุ่งเน้นกลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตร

“กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2563 นี้ เราจะมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเงินในยุคดิจิทัลผ่านการพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ การใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนกระบวนการทำงาน และการยกระดับบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับการริเริ่มโครงการที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า ซึ่งรวมทั้งกลุ่มผู้ใช้รถ ผู้ซื้อบ้าน และผู้ประกอบการ SME” นายอาคิตะกล่าวเพิ่มเติม

กรุงศรีมีเป้าหมายในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนโดยเชื่อมโยงกับพันธกิจด้าน ESG ธนาคารจึงได้ริเริ่มโครงการใหม่ๆ หลายโครงการเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชนผ่านนวัตกรรมดิจิทัลและการให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ปี 2563 เป็นปีที่ครบรอบ 75 ปีแห่งการก่อตั้งธนาคาร กรุงศรีจึงตั้งเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 7.5 ล้านกิโลกรัมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในการดำเนินงานในทุกกิจกรรมของกรุงศรีรวมทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของประเทศ

ในปี 2563 กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อจะเติบโตในระดับ 5-7% และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ 3.4-3.6% การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วง -3% ถึง 3% และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.5%”


You must be logged in to post a comment Login