- อย่าไปอินPosted 19 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
“อรรถวิชช์” นำทีมยื่นตั้ง “พรรคกล้า” ชูแนวทางปฏิบัตินิยม-กล้าลงมือทำ
วันนี้ (14 ก.พ. 2563) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย, “ครูเป็ด” นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร นักแต่งเพลง เป็นตัวแทนยื่นจดทะเบียนจดจัดตั้ง “พรรคกล้า” ที่ได้รับการโหวตชื่อจากประชาชน 120,000 คน มายื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยมีสัญลักษณ์พรรคเป็นลายเส้นรูปกำปั้น ซึ่งสื่อการลงมือทำ
นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ที่พรรคชื่อนี้เพราะตั้งใจอยากจะเห็นคนที่มีความสร้างสรรค์ เป็นผู้กล้า ต้องการเปิดพื้นที่ให้คนที่เป็นผู้กล้าเข้ามาสู่การเมืองให้ได้ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ต้องใช้คนที่มีความรู้จากหลากหลายอาชีพเข้ามาทำงาน โดยพรรคกล้าจะเป็นการรวมกันของคน 3 รุ่น รุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นใหม่ เพราะเราเชื่อว่าคนทั้ง 3 รุ่น จะเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศ จากนี้ตนและนายกรณ์ จาติกวณิช ก็จะรวบรวมรายชื่อให้ได้ผู้ก่อตั้งครบ 500 คน โดยจะเดินสายเชิญบุคคลต่างๆในสังคมมาร่วมทำงานการเมือง
การตั้งพรรคของเราไม่ได้ผูกติดกับการเมืองเก่า เราอยากได้คนหลากหลายอาชีพ เราตั้งโจทย์ว่าพรรคเราต้องเป็นพรรคที่มีความกระชับ ชัดเจน และมีความเป็นมืออาชีพ ที่ผ่านมาคนที่มีความคิดสร้างสรรค์จะไม่ยอมเข้ามาสู่การเมือง แต่ครั้งนี้เราจะเปิดพื้นที่ให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์กล้าที่จะเข้ามาสู่การเมือง และที่มาตั้งพรรคในขณะนี้ก็ไม่ใช่มารองรับการย้ายพรรคของ ส.ส. ที่อาจจะเกิดจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะเป้าหมายคือการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ที่ต้องมายื่นตั้งขณะนี้เพราะเรามีแนวความคิดเรื่องปฏิบัตินิยม ซึ่งต้องใช้ทั้งประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และความทันสมัย โดยคนทั้ง 3 กลุ่ม ต้องช่วยกันในการทำความเข้าใจ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องอาศัยเวลา ไม่เช่นนั้นจะไปติดยึดกับบริบทการเมืองเก่า
พรรคนี้เป็นพรรคเปิดกว้างให้กับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความกล้า ถ้ากล้าก็มาเลย เราไม่ได้มีความตั้งใจว่าจะเข้าสู่การเมืองในยุคการเลือกตั้งนี้ เพราะยังไม่มี ส.ส. สิ่งที่คาดหวังคือการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงคิดว่าถ้าเรามีเวลาประมาณปีเศษนี้ในการรวบรวมคน และทำความเข้าใจกับสังคมเรื่องปฏิบัตินิยม ซึ่งเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลา เราจะสู้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ และยังไม่อยากให้สังคมแยกเราว่าเราจะอยู่ซ้ายหรืออยู่ขวา เพราะอย่างที่บอกว่ากว่าเราจะมาถึงชื่อ มาถึงดีเอ็นเอ เราขอไม่แบ่งแยก ขอเป็นพรรคในแนวปฏิบัตินิยมที่ไม่แบ่งซ้าย ไม่แบ่งขวา และไม่กลางด้วย
เมื่อถามว่ามีกระแสว่าอาจจะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ย้ายจากพรรคเดิมมาสังกัดกับพรรคกล้า นายอรรถวิชช์ย้ำว่า เป้าหมายของพรรคคือการเลือกตั้งครั้งหน้า และการทำพรรคขึ้นมาไม่ได้เพื่อรวบรวม ส.ส. ไปแลกโควตาอะไรทั้งสิ้น ที่ทำพรรคในขณะนี้คิดว่าคนต้องการความหวัง อยากเห็นพรรคที่ลงมือทำ เราจึงตัดสินใจตั้งพรรค ตอนที่ได้ชื่อพรรคกล้ามามีการทำเวิร์คช็อป 3 ครั้ง ก็มีชื่อพรรคกล้ามาตลอด จึงคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้อยากได้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ออกมาทำงาน ดังนั้น ใครที่อยากจะเข้าร่วมก็สามารถส่งข้อมูลประวัติมาทางเพจเฟซบุ๊คที่จะเปิดในวันนี้ได้
เมื่อถามต่อว่าการตั้งพรรคในช่วงนี้เพราะจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ยังไกลไป ขอให้การจัดตั้งพรรคเสร็จสิ้นก่อน คาดว่าจะมีการประชุมใหญ่พรรคต้นเดือนมีนาคมนี้ ส่วนที่มีข่าวว่าจะส่งนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ อดีตผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นั้น นายธรรศพลฐ์ก็เป็นคนที่ทำงานเก่ง และเป็นคนหนึ่งที่ยุให้ตั้งพรรค เชื่อในแนวทางปฏิบัตินิยม แต่คงไม่ได้เข้ามาในรูปแบบกรรมการบริหารพรรค ส่วนจะลงสมัครผู้ว่าฯหรือไม่ยังไม่ได้มองไปถึงตรงนั้น เพราะเป้าหมายของพรรคคือการเลือกตั้ง ส.ส. การเลือกตั้งท้องถิ่นจะต้องมีการคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนายวรวุฒิกล่าวว่า ประเทศเรามีศักยภาพเติบโตมากมาย ถ้าไปดูอย่างประเทศเกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวัน เชื่อว่าด้วยทรัพยากรสามารถทำได้ดีไม่แพ้ประเทศเหล่านี้ ในวันนี้ที่ออกมาทำงานการเมืองเพราะถ้าหากพวกเรายังไม่มีพรรคการเมืองที่มีคุณภาพคงเปลี่ยนแปลงการเมืองไม่ได้ เราคงทำงานการเมืองแบบที่เห็นกันอยู่ และคงลงมาเดินบนถนนอีก ตนเชื่อว่าพรรคกล้ามุ่งพัฒนาเศรษฐกิจและเศรษฐกิจออนไลน์ พร้อมเรียกร้องคนที่มีของ มีความรู้ความสามารถ ต้องออกมาช่วยกันทำงานการเมือง
ขณะที่นายมนต์ชีพกล่าวว่า ตนเหมือนเป็นตัวแทนประชาชน แต่เป็นประชาชนที่สนใจการเมือง และตนก็เห็นมามากว่าพวกที่สนใจการเมืองแล้ววิพากษ์วิจารณ์การเมืองทั้งในแง่บวกหรือลบ แต่เชื่อว่าการวิจารณ์นั้นไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมทำงานการเมือง ถือเป็นการเริ่มปฏิบัติ หลังจากแค่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว
You must be logged in to post a comment Login