- อย่าไปอินPosted 24 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
วิญญาณต้องการความสะอาด
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2563)
คำสอนของนบีมุฮัมมัดตอนหนึ่งกล่าวว่า มนุษย์เกิดมาในธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์ สภาพแวดล้อมในครอบครัวและสังคมต่างหากที่มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมให้มนุษย์เป็นอะไรและเป็นอย่างไรเมื่อเขาโตขึ้น
แรกเกิดทารกมีความน่ารัก เพราะวิญญาณของทารกมีความบริสุทธิ์ ทารกจึงได้รับความเอ็นดูสงสาร ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่และคนรอบข้างโดยที่ทารกไม่เคยร้องขอ
แต่เมื่อโตขึ้นเป็นเด็ก วิญญาณของทารกที่เคยสะอาดเริ่มเปรอะเปื้อนด้วยมลทินแห่งความอยากได้ ความหวงแหน ความตระหนี่ ความโลภ ความอิจฉาริษยา ความโกรธ และมลทินอื่นๆอีกมากมายติดตามมา
มลทินเหล่านี้เองที่ทำให้วิญญาณของมนุษย์สกปรก และกลายเป็นนายชั่วที่คอยบงการอวัยวะร่างกายของมนุษย์ให้ทำตามความต้องการของมัน มนุษย์มีชีวิตได้เพราะมีวิญญาณอยู่ในร่าง ดังนั้น ถ้ายังมีชีวิตมนุษย์ต้องเรียนรู้วิธีการทำความสะอาดและการควบคุมวิญญาณให้เป็นนายที่ดี เพราะนายที่ดีจะไม่บงการบ่าวเนื้อหนังให้ทำความชั่ว ถ้าปล่อยให้วิญญาณของตัวเองสกปรกจนกลายเป็นนายชั่ว นายชั่วก็จะไม่มีวันบงการบ่าวเนื้อหนังให้ทำความดี
ชีวิตมนุษย์ประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณ ถ้าร่างกายของมนุษย์ต้องการการชำระล้างเพื่อความสะอาดสดชื่น วิญญาณก็ต้องการเช่นกัน ในการทำความสะอาดร่างกายภายนอก มนุษย์สามารถผลิตคิดค้นสบู่หรือน้ำยาอาบน้ำเพื่อทำความสะอาดได้ แต่การทำความสะอาดวิญญาณ วิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในด้านนี้ได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์จึงต้องเรียนรู้ศาสนาและมีศาสนาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่รักษาชีวิตทั้งสองด้านให้สะอาด
เราจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมคำสอนของศาสนามีข้อห้ามในเรื่องการกินอาหารบางประเภท เช่น สิ่งมึนเมา เลือด เนื้อของสัตว์ที่ตายเองหรือเนื้อของสัตว์ที่ใช้เขี้ยวเล็บล่าเหยื่อ ของที่ขโมยหรือฉ้อโกงคนอื่นมา เพราะหากกินสิ่งต้องห้ามเหล่านี้เข้าไป อาหารเหล่านี้จะถูกย่อยสลายไปทำให้เลือดเนื้อและจิตใจของมนุษย์สกปรกนั่นเอง
คำสั่งห้ามอาหารบางอย่างมีอยู่ในทุกศาสนาที่มาจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์ทั้งร่างกายและวิญญาณ พระองค์จึงรู้ดีที่สุดว่าอะไรคือสิ่งดีสำหรับมนุษย์ และสิ่งที่พระองค์ห้ามนั้นมีไม่กี่อย่าง ไม่กินก็ไม่ตาย กินไปก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่มีโทษเสียด้วยซ้ำ ถ้ามนุษย์ละเมิดขอบเขตในเรื่องอาหารการกินได้ มนุษย์ก็สามารถละเมิดกฎของพระเจ้าและละเมิดกฎหมายจนถึงขั้นกินบ้านกินเมืองได้ ฝรั่งจึงมีคำพูดว่า You are what you eat.
ส่วนในด้านวิญญาณที่เปรอะเปื้อนไปด้วยมลทินต่างๆ เช่น ความตระหนี่ถี่เหนียว ความหวงแหน และความโลภนั้น พระเจ้าได้ส่งนบีมาทำหน้าที่สอนมนุษย์ถึงวิธีการทำความสะอาดวิญญาณด้วยการแบ่งปัน การบริจาคทานอยู่เนืองๆ เพราะการบริจาคทานจะทำให้วิญญาณมีความสะอาดสดชื่น ไม่ต่างจากการที่เราเปิดน้ำจากก๊อกน้ำล้างมืออยู่บ่อยๆ มือของเราจะสะอาดหมดจดตลอดเวลา
แม้จะบริจาคทานเพื่อชำระล้างวิญญาณให้สะอาดหมดจดจากมลทินแห่งความตระหนี่และความโลภทุกวันตลอดทั้งปีแล้ว หากยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่ถึงจำนวนที่พระเจ้าเห็นว่ายังมีมากพอ พระเจ้าจะกำหนดให้มีการชำระล้างมลทินแห่งความตระหนี่อีกครั้งหนึ่งด้วยการจ่ายซะกาต ซึ่งถือเป็นหน้าที่ทางศาสนาที่ต้องปฏิบัติ ใครละเว้นถือเป็นบาป
มลทินแห่งความโกรธที่เปรอะเปื้อนวิญญาณจนทำให้มนุษย์ต้องหลั่งเลือดกัน นบีหลายคนได้สอนมนุษย์ให้ชำระล้างด้วยการให้อภัยและแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่างด้วย เช่น โยเซฟได้ให้อภัยพี่ๆของตนที่ครั้งหนึ่งเคยวางแผนฆ่าเขา หรือนบีมุฮัมมัดเมื่อยึดเมืองมักก๊ะฮฺได้ ท่านได้นิรโทษกรรมให้แก่ชาวเมืองมักก๊ะฮฺที่เคยกดขี่ข่มเหงท่าน
การทำความสะอาดวิญญาณถือเป็นสิ่งสำคัญในศาสนา เพราะศาสนาสอนว่าวิญญาณเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้มนุษย์ช่วยกันรักษาให้สะอาดทั้งของตัวเองและของคนอื่น ทั้งนี้ เพื่อที่เมื่อวิญญาณของมนุษย์ออกจากร่างกลับไปสู่พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของวิญญาณ มันจะได้กลับไปในสภาพที่สะอาดผ่องแผ้วเหมือนเมื่อตอนถูกส่งมายังมนุษย์เมื่อเป็นทารก
You must be logged in to post a comment Login