- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 1 hour ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 22 hours ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 2 days ago
- อย่าไปอินPosted 5 days ago
- ปีดับคนดังPosted 6 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 31.25-31.75 จับตาเฟดลดดอกเบี้ย รับมือผลกระทบ COVID-19
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท
ในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.75 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดทรงตัวที่ 31.60 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือน ท่ามกลางความตื่นตระหนกในตลาดหุ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 4.2 พันล้านบาท และ 1.92 พันล้านบาท ตามลำดับ ในเดือนกุมภาพันธ์ ยอดขายสุทธิสำหรับทั้งสองตลาด อยู่ที่ 1.96 หมื่นล้านบาท และ 2.20 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบเงินยูโรและเยน ท่ามกลางคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)อาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเงินเยนได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับตัวเลขภาคบริการและการจ้างงานของสหรัฐฯ และยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสซึ่งได้ขยายวงกว้างยิ่งขึ้นนอกประเทศจีน เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจการค้าโลก อนึ่ง การที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ อยู่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำแห่งอื่นๆ นักลงทุนจึงคาดว่า Policy Space ที่มากกว่าจะทำให้เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยตลาดมองว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค. ภาวะเช่นนี้อาจบรรเทาแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงลงบ้างและกดดันค่าเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี คาดว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดการเงินโลกยังคงผันผวนและนักลงทุนใช้ความระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดรวมถึงท่าทีของธนาคารกลางหลักๆ ของโลกในการรับมือกับผลกระทบจากไวรัส
สำหรับปัจจัยในประเทศ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเดือนม.ค.ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำหดตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนลดลง ทั้งนี้ ธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะแตะจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/2563 ขณะที่ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อไปอีก 2-3 เดือน แต่หากการระบาดดำเนินไปต่อเนื่องตลอดปี มีโอกาสที่เศรษฐกิจปี 2563 จะเติบโตต่ำกว่า 1% เราคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำสุดครั้งใหม่ที่ 0.75% ในการประชุมวันที่ 25 มี.ค.เพื่อส่งสัญญาณถึงการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการกอบกู้เศรษฐกิจ
You must be logged in to post a comment Login