- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 21 hours ago
- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 2 days ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 3 days ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 4 days ago
- อย่าไปอินPosted 1 week ago
- ปีดับคนดังPosted 1 week ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 2 weeks ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
บีจีซี เผยแผนปี 63 เดินหน้าสู่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ บีจีซี (BGC) เปิดเผยว่า “จากศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทฯ ในหลากหลายด้าน ทำให้เราปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใหม่จากเดิมที่เน้นบรรจุภัณฑ์แก้วเพียงอย่างเดียว ตอนนี้บริษัทฯ มุ่งสู่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร หรือ โทเทิล แพคเกจจิ้ง โซลูชั่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อกลางปีที่แล้วบริษัทฯ ได้เริ่มนำบรรจุภัณฑ์อื่นๆ เข้าไปนำเสนอแก่ลูกค้านอกเหนือจากบรรจุภัณฑ์แก้วที่เราผลิต เช่น ฝาขวด กล่องกระดาษ ฉลากสินค้า เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย รวมถึงช่วยในการบริหารจัดการต้นทุนให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะควบรวมกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว เพื่อทำให้เกิดความครบวงจรในการผลิตสินค้าและการบริการ สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
ปีนี้คาดว่ารายได้รวมบริษัทฯ จะเติบโต 5-10% หรือมูลค่ารวมประมาณ 13,000 ล้านบาท สัดส่วนการเติบโตมาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 95% และธุรกิจพลังงาน 5% โดยในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯ จะเน้นขยายตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม ซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ทำให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีโอกาสเติบโต อีกทั้งในตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ประเทศเหล่านี้มีความตื่นตัวในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ทำให้ซัพพลายในประเทศไม่เพียงพอ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทฯ จะเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่มนี้”
จากกลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้ บีจีซี ให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารจัดการต้นทุน ควบคู่กับการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ รองรับ การเติบโตของธุรกิจในอนาคต
“บริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณ 400 – 500 ล้านบาทในแต่ละปี เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการผลิต โดยการจัดหาเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูง และปรับปรุงกระบวนการผลิตเดิม โดยการติดเซ็นเซอร์ในจุดต่างๆ เพื่อรายงานสถานภาพการผลิตแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาด จากการผลิต รวมทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลการผลิตในทุกจุดอย่างละเอียด เพื่อจัดทำฐานข้อมูลใน การนำไปวิเคราะห์ด้วยระบบเอไอ (ปัญญาประดิษฐ์) และนำผลไปปรับปรุงระบบการผลิตต่อไป ซึ่งเป็นการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยในปัจจุบันบริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตเกือบ 100% และได้มีการปรับปรุงระบบการผลิตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจพลังงาน บริษัทฯ มีความสนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 300 – 400 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ มาจากโครงการภายในประเทศ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามที่บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ 2 โครงการ คือ โครงการ Xuan Tho 1 และโครงการ Xuan Tho 2 ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วทั้ง 2 โครงการ”
You must be logged in to post a comment Login