วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สร้างขวัญกำลังใจสู้โควิด

On March 23, 2020

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 23มี.ค. 63)

ตอนนี้มีข่าวคุณสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)  ในฐานะโฆษก พศ. ออกมาชี้แจงถึงการเตรียมเสนอมหาเถรสมาคม (มส.) สวดเจริญพระพุทธมนต์บทรัตนสูตร ในช่วงหลังจากทำวัตรเย็นทุกวัน ไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเข้าสู่ภาวะปกตินั้น โดยพศ.ยืนยันว่า การขอความร่วมมือให้วัดสวดเจริญพระพุทธมนต์ บทรัตนสูตร ไม่ได้เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อเชิญชวนประชาชนมารวมตัวกันเพื่อสวดมนต์ แต่เป็นการขอความร่วมมือให้พระสงฆ์ในแต่ละวัด  เพิ่มการสวดบทรัตนสูตรเข้าไปด้วยในการทำวัตรเย็น

ทาง พศ.มองว่า การจะให้ประชาชนรอดพ้นจากการไม่ติดเชื้อและแพร่เชื้อนั้น ต้องวางตนอยู่บนความไม่ประมาท มีสติ โดยบทสวดของพระพุทธเจ้าล้วนเป็นบทที่มีแต่สิริมงคล จึงพิจารณาว่าวัดทั่วประเทศ เกือบ 5 หมื่นวัด พระสงฆ์กว่า 2 แสนรูป และมีการปฏิบัติกิจของสงฆ์อยู่แล้ว เพียงให้เพิ่มบทรัตรสูตรในการทำวัตรเช้าเย็น ถือเป็นบทพื้นฐานที่ทุกรูปสามารถสวดได้ เพื่อความเป็นสิริมงคล และขวัญกำลังใจให้ทุกคนมีสติในการดำรงชีวิต จึงความร่วมมือไปยังวัดทั่วประเทศและวัดไทยในต่างประเทศ

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น อาตมามองว่า การสวดเจริญพระพุทธมนต์บทรัตนสูตรเคยมีในอดีตครั้นพุทธกาลนานมาแล้ว ถ้าคิดเป็นเรื่องงมงายอะไรหรือเปล่า เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่า ขวัญกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ และใครจะมองว่า เป็นเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งหลวงพ่อพุทธทาศท่านบอกว่า ไสยศาสตร์มันไม่ได้แปลว่า เลวร้าย หลงใหล งมงายอะไรมากมาย แต่มันมีความหมายที่ว่า มันยังดีกว่า คือ ดีกว่าไม่ทำ ดีกว่าไปทำอะไรที่ไร้สาระ เช่น ไปเที่ยวในลักษณะอบายมุข ถ้าลักษณะนี้ไสยศาสตร์ก็แปลว่า ดีกว่าไปกินเหล้า ไปกับอบายมุข

 

อันนี้มันเป็นเรื่องขวัญกำลังใจและถ้าหากมนต์ขลังนี้ยังมีอยู่ คำว่า ศักดิ์สิทธิ์ หรืออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยที่ควรเจริญไว้ในใจอย่างมั่นคง ซึ่งมีคำกล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า คนที่แนบแน่นในพระรัตนตรัย ระลึกได้อย่างคล่องปาก ขึ้นใจ จะมีชีวิตเหมือนปลายเข็มตั้งขึ้นบนฟ้า แล้วเอาเม็ดทรายโปรยลงมา เม็ดจะไม่ติดค้างปลายเข็มแม้แต่เม็ดเดียว ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกข์ก็จะไม่ตกค้างคาใจคนที่แนบแน่นในพระรัตนตรัยฉันนั้น คือ มีความระลึกคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างมั่นคงแนบแน่น

จะทำให้ชีวิตเราเหมือนจะตายก็ไม่เป็นทุกข์ และอย่าเป็นทุกข์ก่อนตายมันไม่ดี สู้ตายอย่างไม่มีความทุกข์ยังพอจะมีความหมายในทางดี ในทางสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นก็อย่าไปคิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระ เอาเถอะ การสวนมนต์ครั้งนี้จะไล่โรคภัยไข้เจ็บไปหรือไม่ไป จะได้หรือไม่ได้ ข้อสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า ทำแล้วขวัญกำลังใจคนไทยเรากลับมา มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่อกสั่นขวัญแขวน ไม่อกหวั่นพรั่นพรึง มาคำนึงถึงพระรัตนตรัยแล้ว เกิดความอบอุ่นใจ เกิดความสบายใจ เกิดความเชื่อมั่นในชีวิตว่า คุณพระรัตนตรัยนั้นยังดี

เรียกว่า อิทธิพลหรือทรงอำนาจแห่งพลัง ซึ่งเป็นจิตตานุภาพอันสำคัญ อาจจะทำให้โรคร้ายละลายหายไปในบันดลหรือในอนาคตข้างหน้า แต่ถ้าถามว่า โรคร้ายก็ไม่ไป กิจกรรมอะไรก็ไม่เกิด ไม่มีอะไรสักอย่างหนึ่ง พศ.และพระสงฆ์ไม่ได้เจริญจิตภาวนา ไม่เจริญพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพอะไรเลย เรียกว่า ไม่มีอนุภาพในการจะทำกิจกรรมยังไม่มี แล้วจะอยู่ในโลกกับเขาได้อย่างไร เพราะฉะนั้น สถานการณ์อาจจะสร้างวีรบุรุษ อาจจะสร้างมหาคุณ มหาศักดิ์สิทธิ์ มหามงคลให้กับประเทศไทยก็อาจจะเป็นได้

ถ้าไม่ได้ผลเสียแล้ว ยังมีคนติดเชื้อบาดเจ็บ ล้มตาย ถามว่า แล้วทำกิจกรรมดังกล่าวจะเสียหายอะไร การระลึกพระรัตนตรัยไม่มีความเสียหายนี่ มีแต่มั่นอก มั่นใจ ดีใจ สบายใจ ก็ขอให้ทุกวัด ทุกที่ ทุกแห่ง ทุกหน รวมถึงสาธุชน ช่วยทำให้เกิดคุณ เกิดประโยชน์ดีกว่ามานั่งโทษ นั่งบ่น นั่งว่า ตำหนิ ติเตียนกันอย่างเดียว มันไม่มีประโยชน์อะไร สู้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ส่วนจะได้ผลดีหรือไม่ดี แต่ขอให้ได้ทำ ขอย้ำว่า ทำดีกว่าไม่ทำแน่นอน

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login