วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

คนไทยร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว

On March 30, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 30 มี.ค. 63)

ช่วงนี้ต้องขอพูดตามความเป็นจริงเลยว่า คนไทยต้องร่วมแรง ร่วมใจ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว จะอยู่กันอย่างเหนียวแน่นในการที่จะสู้กับไวรัสโควิด-19 ที่มองไม่เห็น ซึ่งข้าศึกของเราตอนนี้ไม่ใช่เหลืองแดง ไม่ใช่ฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ รัฐบาลกับฝ่ายค้านก็ไม่ควรที่จะมาตั้งหน้า ตั้งตาพูดจาหาเรื่องทะเลาะกันขอให้ดูจีนกับสหรัฐอเมริกาตอนนี้เขายังดีกันเลย เขายังพูดจาลักษณะขอบคุณ ขอบใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

สหรัฐก็อยากจะได้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการป้องกันโรคไวรัสแบบจีนที่เอาอยู่แล้ว ส่วนอเมริกาตอนนี้หนัก คนไทยที่ไปอยู่ที่นั่นทราบข่าวว่า ตอนนี้ตาย 3-4 ชีวิตแล้ว ต้องถือว่า เป็นสิ่งที่เกิดอาการน่าเป็นห่วง แต่แล้วเขาก็เอาวิกฤตเป็นโอกาสที่ดีจนได้ เรียกกันว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายฝ่ายดีกัน ทั้งๆที่เคยเป็นศัตรูคู่ห้ำหั่น เป็นอริกันทางการเมือง ทางอะไรก็แล้วแต่ ยิ่งจะบอกว่า ไวรัสละลายเหลืองแดงได้อย่างสิ้นเชิง

ไม่ใช่แต่เฉพาเหลืองแดงเท่านั้น แม้กระทั่งอเมริกากับจีนไม่น่าเชื่อว่า ทั้งสองฝ่ายระดับผู้ใหญ่ของแผ่นดินพูดจาเป็นมิตร เป็นไมตรีกัน เพราะฉะนั้น ขอให้คนไทยทุกฝ่ายตอนนี้ร่วมแรง ร่วมใจกันเหมือนดารา นักร้อง ศิลปิน ต่างๆก็บริจาค เสียสละให้โรงพยาบาล ทางแพทย์อะไรต่างๆให้เกิดขวัญ กำลังใจ เชื่อว่า แพทย์ พยาบาลที่ทำงานก็จะอบอุ่นใจ เพราะคนไทยทุกฝ่ายเห็นใจพวกท่านที่ต้องไปอยู่ในสภาวะที่เสี่ยง

สำหรับอาตมานั้น ต้องบอกว่า ให้กำลังใจเต็มที่ ขอให้ความดีที่ท่านทำต่อผู้เจ็บ ผู้ไข้ ผู้ป่วย จงส่งผลเป็นธรรมาภิบาลคุ้มครองให้ชีวิตครอบครัวมั่นคง และยั่งยืน อยู่ได้อย่างเป็นสุขได้ เพราะความดี ถึงแม้ว่า จะเป็นอะไรกันไปบ้าง มีเรื่องกระทบกระทั่งกับผู้หลัก ผู้ใหญ่บ้าง คำพูด คำจาบางทีอะไรบางทีก็อาจจะ แต่ไม่มีเจตนาร้าย คงหวังดี แต่ว่า คำพูดเป็นเรื่องสำคัญ ช่วงนี้ขอให้พูดให้ขวัญกำลังใจทุกฝ่ายดี

อย่าพูดให้ กินแหนง แคลงใจ หรือเสียดแทงจิตใจ แล้วนำไปสู่ความไม่สบายใจ พอความไม่สบายใจเกิดขึ้นที่ไหน งานก็จะไม่ค่อยเดินหน้าเข้มแข็ง มั่นคง เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกฝ่ายร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมไม้ ร่วมมือที่จะยื้อชีวิตเพื่อนมนุษย์เอาไว้ให้ได้ และช่วยกันขับโรคร้ายออกจากบ้านเมืองไป อย่าให้เข้ามารุกรานอยู่กับเรานานเกินเหตุ เกินควร และหวังว่า ทุกฝ่ายคงไม่มีใครเอารัด เอาเปรียบ ฉวยโอกาสช่วงนี้กัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องคิดถ้อยที ถ้อยอาศัย

ผูกมิตรไมตรีกันไว้ ระหว่างลูกจ้าง นายจ้างก็เหมือนกัน อย่าไปคิดแต่จะเอากำไรเลย เอาความเป็นลูกจ้าง นายจ้าง ผูกจิต ผูกใจ รักใคร่ปรองดองเผื่อเศรษฐกิจฟื้น เจ้าของธุรกิจใหญ่ก็อาจจะเดินงานต่อไป ลูกจ้างจะได้มีงานทำ คนงานก็จะเริ่มต้นมีรายได้เลี้ยงตัวครอบครัวให้อยู่ดี มีสุขต่อไป ช่วงนี้เห็นมีหลายกลุ่ม หลายฝ่าย แสดงออกออกมาคล้ายๆเป็นยุคที่ฟองสบู่แตก คือ มีการลดราวาศอก ลดค่าแรง พบกันครึ่งทางเพื่อจะได้ร่วมทาง สร้างทาง ถากถางทางเพื่อฝนหลังฟ้า

เชื่อว่า ตอนนี้มันอึมครืมไปด้วยเมฆ ฝน พายุ โหมกระหน่ำ เราตั้งสติให้ดี อย่าไปมัวทะเลาะ ขัดแย้งกันอยู่ แล้วเราก็จะได้ฟื้นตัวอย่างเร็วไวเหมือนสมัยที่ศิริวัฒน์ แซนวิซ แกบอกว่า ตอนนั้นพนักงานดี ลดเงินเดือนส่วนตัวเพื่อช่วยบริษัท และพอบริษัทฟื้นตัวก็คืนเงินให้กับลูกน้อง อย่างนี้เขาเรียกว่า ผสมผสานกันด้วยคนละทาง เลยทำให้ทุกอย่างลงเอยด้วยคำว่า ราบรื่น ชื่นมื่น อยู่ได้มาจนทุกวันนี้

อาตมาหวังว่า ช่วงนี้ลูกจ้างก็อย่าไปคิดค่าแรงแพง อย่าไปทวงสัญญา ค่าจ้างเท่านั้น เท่ากันนี้เลย ส่วนนายจ้างพอมีทุนรอนหน่อย ก็ขาดทุนไม่หร่อยหรอ นึกว่า ได้กำไรจากลูกจ้างมามากแล้วก็คืนกำไรเลี้ยงดูพอให้เขาอยู่ได้ อย่าให้เขาต้องฆ่าตัวตาย อย่าให้เขาต้องทำลายชีวิตทั้งตัวเองและครอบครัว ช่วงนี้ก็คงจะเริ่มเครียด เงินทุนที่มีสำรองอยู่เริ่มลดลง ส่วนห้างใหญ่ๆที่ลงทุนไปมากๆ ธุรกิจใหญ่ๆ เรียกว่า จนกันถ้วนหน้า

เรื่องอดอยาก ยากจน คงไม่ใช่เฉพาะคนรากหญ้าแล้ว เพราะธุรกิจใหญ่ๆอย่างห้างเมื่อไม่ได้เปิด โรงแรมไม่ได้เปิด การท่องเที่ยวไม่ได้ดำเนินไป ทุกอย่างก็ต้องลงเอยด้วยคำว่า เงินทองหร่อยหรอ แล้วใจจะห่อเหี่ยว ให้นึกถึงว่า ตอนเกิดมาเราก็ไม่ได้มีทุนมามากมาย อย่าไปพูดว่าหมดเนื้อ หมดตัวเลย เพราะเราเกิดมาแต่ตัว ตอนนี้ถ้าพูดกันตามความจริงแล้ว ตัวก็ไม่ใช่เป็นตัว เป็นต้น เป็นของคน ของใคร มันเป็นของเกิดขึ้นตั้งอยู่ด้วยธาตุต่างๆมารวมกันแล้วก็เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเท่านั้น

ช่วงนี้มันก็จะกลายเป็นช่วงที่สอนคนให้ฉลาดเหมือนอย่างที่หลวงพ่อพุทธทาสพูดไว้ไม่ผิด ความเจ็บไข้มาตักเตือนให้ฉลาดทำให้คนที่ใช้จ่ายเงินทองสุรุ่ยสุร่าย กิน เล่น เที่ยว คราวนี้คงนั่งห่อเหี่ยว และนั่งหดหู่ ดูชีวิตตัวเองที่ดำเนินมาผิดทาง ทำให้อยู่ยาก ลำบาก ขาดแคลน ขัดสน ฝืนเคือง ข้นแค้น ไม่มีทุนสำรอง ก็คงจะได้สำนึกอะไรกันบ้าง แต่ถ้าคนมืดแปดด้านเหมือนบัวใต้ดินคงไม่ได้แสงธรรม แสงตะวันอะไร คงมืดต่อไป ถ้ามืดต่อไป เขาเรียกว่า มามืด ตายมืด แต่ถ้าหากมาสว่างแล้วไปมืดมันแย่ แต่มันควรจะมืดมาแล้วสว่างไป มันถึงจะดี ถึงจะถูกต้องตามครรลองครองธรรม

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login