- ปีดับคนดังPosted 10 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
ม.มหิดล รณรงค์ Social Distancing ตัดวงจร Covid-19
จากคำกล่าวของ ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ว่า “ถ้าเราไม่ทำ Social Distancing ภายในวันที่ 15 เมษายน 2563 เราจะมีผู้ป่วย Covid-19 ถึงจำนวน 350,000 คน แต่ถ้าเราสามารถทำ Social Distancing ได้ดี ในวันที่ 15 เมษายน 2563 เราจะเหลือผู้ที่ติดเชื้อไม่ถึง 25,000 คน” หมายถึงว่า Social Distancing เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดในบรรดาการป้องกันการติดเชื้อทั้งหมด ซึ่งก็คือการป้องกันตัวเราไม่ให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร และกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ในส่วนของโรงพยาบาลศิริราช เรามีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วย Covid-19 ตั้งแต่มีอาการเล็กน้อย ปานกลาง ไปจนถึงรุนแรง สำหรับผู้ป่วย Covid-19 ที่มีอาการเพียงเล็กน้อยที่โรงพยาบาลศิริราชรับเข้ามาเพื่อไม่ให้ไปแพร่เชื้อต่อกับผู้ใกล้ชิด จะเป็นกลุ่มของคนที่ไม่สามารถที่จะกักตัวเองโดยที่ไม่เจอญาติพี่น้องได้ โดยเราได้มีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 50 เตียงไปยัง ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล ต.ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อรองรับผู้ป่วย Covid-19 ที่มีอาการไม่มาก
โดยโรงพยาบาลศิริราชเป็นเครือข่ายหลักของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในการรองรับผู้ป่วย ซึ่งได้มีการตกลงกันว่าถ้าเกิดเป็นผู้ป่วย Covid-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง และไม่มีความจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ให้นำส่งโรงพยาบาลที่มีขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง เช่น โรงพยาบาลศูนย์ในภูมิภาค หรือโรงพยาบาลจังหวัด ส่วนโรงพยาบาลขนาดใหญ่จะมีการสำรองเตียงไว้สำหรับผู้ป่วยหนักที่มีความต้องการใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคติดเชื้อ หรือโรคปอด ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจต่างๆโดยทั่วประเทศมีโรงเรียนแพทย์ประมาณ 23 แห่งที่มีการเตรียมพื้นที่ไว้คอยรองรับผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าว
“ผมมองว่าประเด็นที่เป็นจุดศูนย์กลางเลย คือ คนไข้ ซึ่งจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องมีความเสี่ยงในการดูแล และก็จะทำให้ต้องมีการระดมทุนมาเพื่อไปซื้ออุปกรณ์ให้กับแพทย์ ดังนั้นหากเราตัดวงจรด้วย Social Distancing เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกัน Covid-19 ซึ่งจากสถานการณ์ในปัจจุบันพบว่าเปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ติดจากในบ้านมีไม่มากเท่าจากนอกบ้าน”
“สุดท้ายอยากจะให้ทุกคนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สิ่งแรกที่อยากให้เกิดขึ้นเมื่อพ้นช่วง การระบาด อยากขอให้คนไทยเรากลับมาช่วยฟื้นฟูประเทศในทุกๆ ด้าน เพราะว่าไม่ใช่เรื่องสุขภาพเท่านั้นที่เราเสียไป แต่จะเป็นเรื่องของทางด้านสุขภาพจิต เศรษฐกิจ และสังคมต่างๆ ซึ่งเราต่างกำลังรอคอยกันว่า จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยจะกลับมาเป็นประเทศที่มีความสุข และเต็มไปด้วยรอยยิ้มได้ในเร็ววันที่สุด” รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นริศ กิจณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย
*สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร.0-2849-6210
You must be logged in to post a comment Login