วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เห็นปัจจุบันแล้วนึกถึงอดีต

On April 10, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  10-17 เมษายน 2563)

ไม่มีชาวยิว ชาวคริสเตียน และมุสลิมคนใดที่ไม่รู้จักโมเสสหรือมูซา ทั้งนี้เพราะเรื่องราวของโมเสสมีกล่าวไว้ทั้งในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอาน เรื่องราวของโมเสสถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ในชื่อบัญญัติ 10 ประการ เมื่อกว่า 60 ปีก่อน และยังเป็นภาพยนตร์อมตะมาจนถึงทุกวันนี้

โมเสสเกิดในครอบครัวอิสราเอลที่ตกอยู่ภายใต้การกดขี่ของฟาโรห์ กษัตริย์ชาวกิปตีย์หรือชาวอียิปต์พื้นเมืองในเวลานั้น แม้เขาจะถูกเลี้ยงและเติบโตในวังของฟาโรห์ แต่เมื่อเขาเข้าไปช่วยชาวอิสราเอลที่กำลังทะเลาะกับชาวกิปตีย์จนเป็นเหตุให้ชาวกิปตีย์เสียชีวิต โมเสสจึงต้องหนีออกจากอียิปต์ไปอยู่ที่แผ่นดินมัดยันและมีครอบครัวที่นั่น

ต่อมาโมเสสคิดถึงครอบครัวที่อียิปต์ เขาจึงเดินทางกลับไปยังอียิปต์ คืนหนึ่งระหว่างทางเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบีเมื่อเขาได้พบพระเจ้าที่หุบเขาฏุวาเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง และเพื่อให้เขาแน่ใจในตำแหน่งนบีของเขา พระเจ้าได้ให้เขาโยนไม้เท้าที่เขาถือลงไปบนพื้น เมื่อโมเสสทำตามไม้เท้าของเขาได้กลายเป็นงู และงูได้กลายเป็นไม้เท้าอีกครั้งเมื่อเขาจับมันขึ้นมา

เท่านั้นยังไม่พอ พระเจ้าได้สั่งให้โมเสสล้วงมือของเขาเข้าไปในอกเสื้อ เมื่อเขาดึงมือออกมา มือของเขามีแสงขาวสว่างเหมือนไฟนีออนโดยที่มือไม่ร้อน

ปาฏิหาริย์ 2 อย่างที่พระเจ้ามอบให้เขาเป็นเหมือนประกาศนียบัตรแต่งตั้งเขาเป็นนบีของพระองค์ และภารกิจสำคัญของเขาคือการไปบอกให้ฟาโรห์เลิกตั้งตัวเป็นพระเจ้าและปล่อยลูกหลานอิสราเอลให้เป็นอิสระ

ยุคนั้นอียิปต์เป็นแผ่นดินมหาอำนาจของโลก และฟาโรห์เป็นกษัตริย์ของอียิปต์ ฟาโรห์จึงถือว่าเขาเป็นพระเจ้า และประชาชนต้องเคารพสักการะเขาที่มีสถานะเป็นพระเจ้า ฟาโรห์มีแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่ทางทหาร แต่พระเจ้าได้ใช้โมเสสให้ทำหน้าที่ที่แทบเป็นไปไม่ได้และมีไม้เท้าเพียงอันเดียว

แต่เมื่อได้รับมอบหน้าที่จากพระเจ้าแล้วโมเสสต้องปฏิบัติ และพระเจ้าสัญญาว่าจะช่วยเขา

โมเสสเข้าไปหาฟาโรห์และทำตามที่พระเจ้าสั่ง แต่ฟาโรห์ปฏิเสธและหัวเราะเยาะ แม้โมเสสจะโยนไม้เท้าลงไปกลายเป็นงูเพื่อเป็นหลักฐานว่านี่คืออำนาจของพระเจ้า แต่ฟาโรห์ไม่เชื่อ มิหนำซ้ำยังเย้ยหยันโมเสสด้วยการสั่งฮามานเสนาบดีของเขาให้สร้างหอคอยเพื่อที่เขาจะได้ไปพบพระเจ้าของโมเสส

เมื่อโมเสสเตือนดีๆไม่เชื่อ พระเจ้าได้ให้แผ่นดินอียิปต์ประสบภัยพิบัติสารพัด เริ่มตั้งแต่น้ำในแม่น้ำไนล์เอ่อท่วมผืนดินจนเพาะปลูกไม่ได้ ฟาโรห์จึงส่งคนมาขอให้โมเสสวิงวอนต่อพระเจ้าให้ภัยพิบัติหมดไป และสัญญาว่าจะหันไปเคารพสักการะพระเจ้า แต่เมื่อโมเสสวิงวอนพระเจ้าและภัยพิบัติหมดไป ฟาโรห์และชาวอียิปต์ก็ไม่ทำตามสัญญา

moses and snake

คัมภีร์กุรอานเล่าว่า หลังจากนั้นแผ่นดินอียิปต์ได้เกิดภัยพิบัติเป็นระลอก เช่น การระบาดทั่วแผ่นดินของฝูงตั๊กแตน หมัด กบ และแม่น้ำไนล์กลายเป็นเลือด เมื่อภัยพิบัติแต่ละอย่างเกิดขึ้น คนของฟาโรห์จะมาขอให้โมเสสวิงวอนต่อพระเจ้าและให้สัญญาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ก็ผิดสัญญาทุกครั้ง

ในที่สุดฟาโรห์ก็ต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถเมื่อพระเจ้าให้เขาต้องจมน้ำตายกลางทะเลทั้งที่เขาเห็นปรากฏการณ์น้ำทะเลแหวก ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้าด้วยตาตัวเองแล้ว

ปรากฏการณ์โรค COVID-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกขณะนี้ทำให้นึกถึงภัยพิบัติในยุคโมเสส แต่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นจำกัดวงแค่ในแผ่นอียิปต์และผู้คนแค่เดือดร้อน ไม่ถึงขั้นล้มตาย ในขณะที่ไวรัสโคโรนาระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วตามยุคดิจิทัลและมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ในตอนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าไวรัสโคโรนามีสาเหตุมาจากสัตว์เช่นค้างคาว หรือเป็นแผนการโจมตีจีนด้วยอาวุธชีวภาพของมหาอำนาจชาติคู่แข่ง แต่คัมภีร์กุรอานได้ให้ข้อสรุปถึงสาเหตุของการรุ่งเรืองและล่มสลายของอาณาจักรต่างๆว่าเป็นไปตามแบบแผนของพระเจ้าดังนี้

พระเจ้าจะให้คนกลุ่มหนึ่งหรือชาติหนึ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจากที่ไม่มีอะไร และพระองค์จะประทานปัจจัยทุกอย่างให้แก่คนกลุ่มนั้นอย่างเต็มที่เพื่อดูว่าผู้คนจะอยู่ในกรอบศีลธรรมหรือไม่ ถ้าผู้คนละเมิดกรอบของศีลธรรม สร้างความไม่เป็นธรรมและความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน พระองค์จะส่งคนมาตักเตือนก่อน เมื่อไม่เชื่อและยังละเมิดขอบเขตทุกอย่าง พระเจ้าจะแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นเป็นการส่งสัญญาณเตือนโดยตรง และเมื่อเห็นแล้วยังไม่เชื่ออีก พระเจ้าก็จะทำลายชาตินั้นด้วยพระองค์เองในที่สุด


You must be logged in to post a comment Login