วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด

On April 13, 2020

คอลัมน์ : สำนัก(ข่าว)พระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13 เมษายน 63)

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ย้ำว่าห้ามจัดเทศกาลสงกรานต์ ห้ามมีการเล่นสนุกสนาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดย พศ. ได้มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งว่า ตามที่มหาเถรสมาคม (มส.) ได้มีมติเรื่องมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมีการขยายไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่า โรคนี้สามารถแพร่เชื้อติดต่อกันได้โดยผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ ซึ่งผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ง่าย โดยเฉพาะผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก มาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อจะต้องมีระยะห่างทางสังคมหรือระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร ดังนั้น เพื่อป้องกันพระภิกษุ สามเณร และประชาชน ให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรค จึงเห็นควรนำเสนอ มส. พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศงดจัดกิจกรรมที่ประชาชนมารวมกลุ่มกันทุกประเภท ยกเว้นการปฏิบัติกิจของสงฆ์

อาตมายังคิดอยู่ว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ถ้าทำเป็นกรวย สายยาง หรือเอาไม้ไผ่ผ่าเลาะข้อออกให้โยมอยู่ไกลๆ พระก็อยู่ห่างสัก 2-3 วา ก็น่าจะพอได้ถ้าจะทำ แต่ถ้าไม่ทำก็สรงน้ำพระพุทธรูปก็แล้วกัน เพราะไวรัสโควิดไม่ไปเกาะพระพุทธรูป แต่พระสงฆ์ไม่แน่ ถ้าพระสงฆ์มาใกล้ชิดมากๆก็อาจจะติดเชื้อได้ ถ้ามีโรคมีภัยขึ้นมาก็ลำบาก

เราควรจะคล้อยตามกันเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย ไม่ใช่คล้อยตามแล้วต้องเจ็บ ต้องตาย เดือดร้อน เสียหาย ยังไงก็คงจะต้องอยู่สู้ ชีวิตถือเป็นการต่อสู้ เราต้องสู้ชีวิต ไม่ต้องคิดถึงการเอาชนะ ไม่ว่าจะชนะตน ชนะคน ชนะกิเลส คนต้องรู้จักคำว่าเอาชนะในส่วนที่ควรจะเอาชนะ ถ้าเราไม่เอาชนะเจ้าโควิด ปล่อยให้แพร่กระจายตามอำเภอใจ เราก็จะไม่เหลือหรอดุลยภาพ

ต้องเรียกว่ามนุษย์อยู่รอดปลอดภัยเพราะมีการออกกติกา ระเบียบแบบแผน อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ วัดที่เป็นวัดปฏิบัติเคร่งครัด ไม่จัดมหรสพ ไม่มีงานรื่นเริง ก็ไม่มีปัญหา ขอให้บอกมาเลยว่าให้ทำอะไร ถ้าใคร่ครวญดูแล้วว่าเป็นเรื่องอยู่รอดปลอดภัยก็ควรปฏิบัติตาม เพราะฉะนั้นการที่จะให้จัดอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ให้จัดอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ามันปลอดภัยก็ต้องทำ อย่าไปขืนฝืนอะไร ไม่สมควรอย่างยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ วัดควรหยุดอยู่กับความสงบ ไม่เห็นจะต้องไปวุ่นวาย ต่อว่าต่อขาน

เราควรอยู่ให้เป็นสุขดีที่สุด อยู่แบบไม่ต้องมีเรื่องที่ทำให้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อยู่ให้รอดปลอดภัยไว้ก่อน ขอย้ำว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด ในเมื่อโลกมีปัญหาขึ้นมาเราไม่ควรทำให้ปัญหาบานปลาย ต้องร่วมมือกันช่วยแก้ปัญหาให้จบไวๆจะได้ไม่ต้องเกิดปัญหายืดเยื้อบานปลายออกไป เมื่อเขาไม่ให้วัดจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ญาติโยมจะบังสุกุลกระดูกบรรพบุรุษก็อาจจะจุดธูป จุดเทียน ทำบุญใส่บาตร กรวดน้ำ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแค่นี้ก็เหลือล้นแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์นี้เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ แม้ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประกาศเลื่อนวันหยุดสงกรานต์และให้ทำงานตามปกติแล้วจะชดเชยภายหลัง แต่ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ดังนั้น รัฐบาลจึงมีข้อห้ามดังนี้ งดเว้นการจัดงานสงกรานต์ในทุกระดับ งดเว้นการเดินทางกลับภูมิลำเนา งดเว้นการรดน้ำขอพรญาติผู้ใหญ่ทุกกรณี และงดการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก หรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามและมีคุณค่าทางจิตใจจึงขอให้ปฏิบัติดังนี้ สรงน้ำพระพุทธรูปที่บ้าน แสดงความกตัญญูขอพรต่อพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน โดยเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร และให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยด้วย ส่งเสริมให้แสดงความรักและความกตัญญูต่อบุพพการี-ผู้มีพระคุณที่อยู่ไกลกันผ่านโทรศัพท์มือถือหรือสื่อออนไลน์

อย่าไปคิดว่าหมดสนุก เหงาแล้วเรา จะไปเศร้าไปเหงากับการไม่จัดเทศกาลสงกรานต์นี่ก็แย่ อย่างคนที่เรียกว่าสงบไม่เป็น อยู่อย่างสบายๆไม่เป็น ซึ่งคำว่าอยู่ไม่เป็นนี่คือ อยู่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เทศกาลสงกรานต์แต่ละปีมีแต่เรื่องล้มหายตายจาก ทะเลาะเบาะแว้ง อุบัติเหตุเยอะแยะ การไม่ให้จัดงานก็ทำให้ไม่มีอุบัติเหตุ คนก็ไม่ต้องไปไหนมาไหนกัน จะทำให้เรามีชัยชนะเหนือไวรัสโควิดมากขึ้น ถ้ารัฐบาลไม่สั่งให้งดทำกิจกรรมยอดผู้ติดเชื้ออาจจะเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้น พศ. มส. และรัฐบาล ก็สั่งไปเถอะถ้าคิดว่าอยู่รอดปลอดภัยกว่าปล่อยให้จัดเหมือนเดิม

อีกเรื่องหนึ่งมีข่าวว่า ทีแรกจะงดเงินนิตยภัต ซึ่งเป็นเงินเดือนพระผู้ใหญ่ จะเอาไปตั้งกองทุนช่วยวัดสู้ไวรัสโควิด แต่ไปๆมาๆเขาบอกว่าไม่เก็บแล้ว อยู่ที่ว่าวัดไหนจะคิดอย่างไร อาตมาเองไม่เคยได้ใช้เงินนิตยภัตสักบาท ให้เป็นทุนการศึกษาเด็กทุกปี ปีๆหนึ่งมีเด็กมาขอทุน มาทำงานให้วัด อาตมาก็ให้เงินนิตยภัตไป ไม่เคยเอามาซื้อขนม ซื้ออะไรเลย เพราะคิดว่าเป็นเงินที่รัฐบาลให้อุปถัมภ์ศาสนาดูแลพระสงฆ์ พระไม่มีความจำเป็นจะใช้อะไร เอาไปทำบุญทำกุศลให้เด็กยากจนได้เรียนหนังสือจะเป็นประโยชน์มากกว่า ต้องขอขอบใจรัฐบาลที่ไม่คิดจะลด ยังให้เพิ่ม ยังไม่ต่อว่าหรอก แล้วแต่รัฐบาล ไม่ได้มีปัญหาเรื่องให้หรือไม่ให้ ตัดหรือไม่ ตกลงว่าไม่หักเงินนิตยภัต ไม่ให้จัดสงกรานต์ในวัด อยู่ได้สบายมาก

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login