วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หน้ากากอนามัยกับการป้องกัน COVID-19

On April 17, 2020

คอลัมน์ : พบหมอศิริราช

ผู้เขียน : ศ.พญ.กุลกัญญา  โชคไพบูลย์กิจ

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่  17-24 เมษายน 2563)

ในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่กำลังสร้างความหวาดวิตกแก่ผู้คนในหลายๆประเทศรวมถึงประเทศไทย “การใส่หน้ากากอนามัย” เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันและช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อ โดยทั่วไปหน้ากากอนามัยจะใช้ในสถานการณ์หลักๆคือ

1. เมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ แม้จะอาการไม่มาก รวมทั้งโรค COVID-19
2. เมื่อต้องดูแลหรืออยู่ใกล้ชิดคนป่วย รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วย
3. เมื่อต้องไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากแออัด ในสถานที่จำกัด ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการโดนไอหรือจามใส่ และในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 อย่างกว้างขวาง ควรใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องพบหรือพูดคุยกับผู้อื่น
4. เมื่อต้องกักตัวเพื่อดูอาการหลังจากไปสัมผัสโรค COVID-19

หน้ากากอนามัยปกป้องได้จริงหรือ?

หน้าที่ของหน้ากากอนามัยคือ ปกป้องผู้สวมใส่ให้ปลอดภัยจากการสัมผัสละอองฝอยของน้ำมูก น้ำลาย ซึ่งอาจมีเชื้อ และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่สวมใส่แพร่เชื้อออกไป แต่ในขณะเดียวกันหากใส่หน้ากากอนามัยไม่ถูกวิธีก็อาจเป็นสาเหตุให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อมากขึ้น และไม่ป้องกันการแพร่เชื้อเท่าที่ควร

ใช้หน้ากากอนามัยให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ

เมื่อใส่หน้ากากอนามัยแล้วไม่ควรเอามือไปสัมผัสพื้นผิวด้านหน้าของหน้ากากอนามัย เพราะอาจมีละอองฝอยจากการไอ จามจากผู้ติดเชื้อมาติด ยิ่งถ้าหากเรานำมือที่สัมผัสเชื้อไปโดนบริเวณดวงตา จมูก ปาก เท่ากับว่าเอาเชื้อเข้าสู่ร่างกาย กรณีที่เกิดความรำคาญ จำเป็นต้องขยับหน้ากาก ควรจับที่หูหน้ากากและขยับเพียงนิดหน่อย แต่ถ้าให้ดีที่สุดไม่ควรขยับหน้ากากบ่อยๆ และต้องหมั่นล้างมือให้สะอาด

ใช้แล้วซัก นำกลับมาใช้อีกได้จริงหรือ

ในที่นี้ขอกล่าวถึง “หน้ากากอนามัยทางการแพทย์แบบมาตรฐาน” ที่เราใช้ หรือที่เรียกว่า “หน้ากากเขียว” ถูกออกแบบให้ใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สามารถใส่ต่อเนื่องได้นานทั้งวันหรือจนกว่าจะเปื้อน ที่บริเวณผิวด้านนอก (สีเขียว) จะมีสารกันซึมเคลือบอยู่ ดังนั้น เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่มีใครไอ จามรด ก็จะสามารถปกป้องละอองฝอยที่มีเชื้อโรคนั้นเข้าสู่ร่างกายทางปากและจมูกของผู้ที่สวมใส่

ในกรณีที่นำหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ไปซัก หรือฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อหวังจะนำมาใช้ไหม่ จะทำให้คุณสมบัติในการป้องกันเชื้อโรคและกันซึมหายไป นอกจากนี้อันตรายยังจะเกิดกับผู้ที่ไปจับต้องหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วซึ่งเปื้อนน้ำมูกน้ำลายที่อาจมีเชื้อโรค ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง

ดังนั้น ควรทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว ไม่นำมาใช้ใหม่ และระมัดระวังเมื่อต้องถอดหน้ากากอนามัย อย่าให้มือไปสัมผัสพื้นผิวด้านหน้าของหน้ากากอนามัย

หน้ากากอนามัยแบบผ้าป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19 ได้หรือไม่หน้ากากอนามัยแบบผ้า มีสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นกังวลคือ จะสามารถซึมซับเก็บเชื้อโรคจากฝอยละออง ฝอยน้ำมูก น้ำลายไว้ได้ดี นั่นเพราะผิวนอกมีความแตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบมาตรฐานที่มีการเคลือบสารป้องกันการซึมของฝอยละอองไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง หน้ากากจะเกิดความชื้น ทำให้มีโอกาสที่ละอองฝอยที่มีเชื้อโรคซึมเข้าสู่จมูกและปากของเราได้

อย่างไรก็ดี การใส่หน้ากากอนามัยแบบผ้าก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรป้องกัน ดังนั้น ในภาวะที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัยแบบมาตรฐาน หน้ากากอนามัยแบบผ้าก็พอที่จะช่วยป้องกันละอองฝอยเชื้อโรคได้ แต่จะต้องปฏิบัติดังนี้

1. เปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อยๆ อย่าปล่อยให้ชื้นแฉะ (ควรมีหลายอันเตรียมเอาไว้เปลี่ยน)
2. เมื่อถอดหน้ากากอนามัยเพื่อนำไปซักทำความสะอาด ต้องระวังการติดเชื้อจากการสัมผัสผิวนอกของหน้ากากอนามัย
3. ทำความสะอาดมือบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสหน้ากากอนามัยหรือใบหน้า

ผู้ที่ควรใส่หน้ากากอนามัยคือ ผู้ป่วย ผู้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย ผู้ที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อจากผู้อื่น รวมถึงผู้ที่ต้องเฝ้าระวังอาการตัวเองหลังจากไปสัมผัสเชื้อไวรัส COVID-19 ควรเคร่งครัดในการสวมใส่ ไม่สัมผัสหน้ากากอนามัยหรือใบหน้า และในช่วงที่ COVID-19 ระบาดอย่างกว้างขวาง เราไม่ทราบว่าใครที่เราพบอาจจะมีเชื้อไวรัส COVID-19 จึงควรใส่ตลอดเวลาที่พบหรือพูดคุยกับผู้อื่น ซึ่งกรณีหลังนี้การใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าจะเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้มีหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ไว้ใช้ในผู้ที่จำเป็นอย่างเพียงพอ และไม่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็จำเป็นต้องล้างมือบ่อยๆ เพราะการติดเชื้อไวรัส COVID-19 เกิดจากทั้งการสัมผัสละอองฝอยและการสัมผัสน้ำมูกน้ำลายผ่านมือนำเข้าสู่ปากจมูกด้วย

 


You must be logged in to post a comment Login