วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“บิ๊กตู่”ดึง20มหาเศรษฐีช่วยเหลือประเทศพ้นวิกฤตโควิด

On April 17, 2020

วันที่ 17 เม.ย. เวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงการณ์ถึงการทำงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 และบทบาทสำคัญของคนไทยทุกคนในช่วงสัปดาห์หน้าว่า “วันนี้ ต้องการรายงานให้ทุกท่านทราบถึงงานที่กำลังจะทำและบทบาทสำคัญของพวกเราคนไทยทุกคนในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ก่อนอื่นขอถือโอกาสวันปีใหม่ไทยที่เพิ่งผ่านไป กล่าวสวัสดีวันปีใหม่ไทย กับคนไทยทั้งประเทศ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่สมบูรณ์แข็งแรง และหวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในวันสำคัญอีกวันของคนไทย คือวันครอบครัว ถึงแม้ว่าปีนี้จะแตกต่างไปจากทุกปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นวันสงกรานต์และวันครอบครัว ที่มีความหมาย

เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้เห็นว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของเราคือครอบครัว ไม่ว่าเราจะต้องเจอกับปัญหาใดๆ ก็ตามคนที่อยู่เคียงข้างเรา ก็คือ พ่อ แม่ พี่น้อง และลูกหลานของเราปีนี้ ครอบครัวของพวกเราใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มากกว่าเพียงแค่ญาติพี่น้องทางสายเลือด แต่ครอบครัวของเรา คือเป็นคนไทยทั้งประเทศ ที่อยู่รอบข้างเรา 70 ล้านคนในช่วงวิกฤตินี้ มีแค่พวกเรากันเองในครอบครัวไทยเท่านั้นที่จะพึ่งพากันได้ ที่จะช่วยกันบรรเทาความทุกข์ร้อน และความยากลำบากที่ทุกคนต้องเผชิญ

อย่างเช่น คนแปลกหน้าที่ซื้ออาหาร มาแบ่งปันให้เราได้อิ่มท้อง แบ่งเบาภาระให้เราอยู่รอดต่อไปได้ นี่คือหมายความของการเป็นครอบครัวเดียวกัน ปัจจุบันประเทศไทยของเรากำลังอยู่ในภาวการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กำลังทำลายชีวิต และการดำรงชีวิตของคนไทยจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ถ้ามองไปทั่วโลก เราก็เห็นได้ว่า วิกฤตโควิดได้ก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย โดยไม่สนใจว่าเป็นประเทศร่ำรวย ประเทศยากจนหรือประเทศมหาอำนาจปัจจุบันหลายประเทศ ทั้งในภูมิภาคตะวันตก ยุโรป และอื่นๆ รวมถึงประเทศที่มีการพัฒนาสูงสุดก็มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากและมีจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นหลักหมื่น

โดยผู้เชี่ยวชาญยังคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิต อาจพุ่งสูงไปถึงหลักแสนต่อไปในอนาคต ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เพียงเกิดกับชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่ยังเสียหายไปถึงการทำงาน การค้าขาย และการทำมาหากินที่เกือบจะหยุดชะงักทั้งหมด นี่จึงเป็นภาวะวิกฤติครั้งใหญ่ ที่ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องดึงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาให้ได้ ตอนนี้งานที่ผมมุ่งเน้นเป็นสำคัญ แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มงานหลัก

กลุ่มงานแรก คือ งานที่เกี่ยวกับสุขภาพ หมายถึง สิ่งที่เราต้องทำ เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 และเพื่อเพิ่มความสามารถ ในการรักษาผู้ติดเชื้อ

กลุ่มงานที่ 2 คือ งานเกี่ยวกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้มีเงินเพียงพอต่อการดำรงชีวิต ผ่านมาตรการและความช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งผมได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการคิดและปฏิบัติมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพหน้าที่ของผม คือ การบัญชาการ และควบคุมการทำงานทั้งหมดของรัฐบาล แทนพี่น้องประชาชน

ผมต้องเป็นผู้นำ ให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ผมทราบดีถึงความกังวลของพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับมาตรการเยียวยา 5,000 บาทและมาตรการอื่นๆของกระทรวงการคลัง ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้ ผมได้สั่งการ เรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องให้เข้ามาพบผม เพื่ออธิบายที่มาที่ไปและเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผมทราบ ว่าปัญหาเกิดจากอะไร และจะแก้ไขอย่างไร

นอกจากเงิน 5,000 บาทแล้ว ช่วยไปติดตามงานของหลายกระทรวงมีมาตรการช่วยเหลือออกมาเกือบทุกกระทรวงทุกกระทรวงช่วยเหลือเต็มที่โดยภาครัฐจะเข้าไปดูแลกลุ่มเป้าหมาย

นอกเหนือจาก 2 งานหลักที่ผมเพิ่งกล่าวไปแล้ว ผมขอพูดถึง อีกหนึ่งหน้าที่ ที่ผมถือว่าสำคัญที่สุด และเป็นหน้าที่ ที่คนไทยทุกคนจะต้องมีบทบาทร่วมกันกับผม หน้าที่สำคัญนี้ จะสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้มากกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า เป็นหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำงานของเรา ถ้าเราต้องการจะเอาชนะสงครามกับไวรัสโควิด-19 ให้ได้

ซึ่งหน้าที่นี้ ต้องเริ่มจากการยอมรับความจริง เราต้องยอมรับจุดแข็ง จุดอ่อน และข้อจำกัดของตัวเอง เราต้องยอมรับว่า ปัญหาความเสียหายที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 จะแก้ไขได้ ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาล กับภาคส่วนต่างๆ และเราต้องยอมรับว่า รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว คงไม่สามารถหาคำตอบให้กับทุกปัญหาได้ คนกลุ่มอื่น และภาคส่วนอื่นๆ ก็อาจจะมีคำตอบที่ดีและมีความคิดที่ดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน

วิกฤตโควิดครั้งนี้ใหญ่ และซับซ้อนมาก หน้าที่ของเราจึงต้องต่อสู้ไปด้วยกัน แบบเป็นหนึ่งเดียวทั้งประเทศ เราทุกคนจะต้องเป็นทีมประเทศไทย ด้วยกัน เราจะต้องหาความร่วมมือ ดึงทุกภาคส่วนของสังคม รวมถึงกลุ่มธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ และพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศ เราต้องการคนเก่ง ที่มีอยู่มากมายในประเทศของเรา ให้มาร่วมมือกันนี่คือ ทีมประเทศไทย

ไม่ว่าจะมาจากภาครัฐ จากมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยต่างๆ มาจากภาคเอกชน กลุ่มมหาเศรษฐี หรือพี่น้องประชาชนที่ยอมเสียสละตัวเอง เข้ามาร่วมกันต่อสู้เหมือนกับที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ร่วมกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์-สาธารณสุข และอาสาสมัครมากมาย ได้เสียสละตัวเอง อย่างกล้าหาญเผชิญความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ทุกวันเพื่อช่วยรักษาชีวิตของผู้อื่น

ผมทราบว่า หลายภาคส่วนในทีมประเทศไทย ได้เริ่มลงมือทำอะไรที่สำคัญ และมีประโยชน์ไปแล้วหลายอย่าง แต่วันนี้ ผมต้องการเพิ่มความร่วมมือกับท่านทั้งหลาย ให้มากยิ่งขึ้น โดยเริ่มที่ภาคเอกชนก่อน

“สิ่งที่ผมจะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการแรก คือผมจะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกผมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเรา ให้มากขึ้น ได้อย่างไรบ้าง มหาเศรษฐีของประเทศไทยทั้งหลาย ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

ผมขอให้ท่าน ได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศ และร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันกับเรา ผมเข้าใจและซาบซึ้ง ที่หลายท่านได้ลงมือทำไปแล้วหลายเรื่อง แต่ผมต้องการให้ทุกท่านทำเพิ่มเติม มากกว่าที่ท่านได้ทำไป

ผมรู้ว่าทุกท่านต่างก็เต็มใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่ประเทศต้องการความช่วยเหลืออย่างมากที่สุด เพราะผมรู้ว่า ความเดือดร้อนของคนไทย ก็คือความเจ็บปวดของท่านด้วย ผมขอให้ทุกท่าน ได้แบ่งปันความสามารถ และความฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมุมมองอันมีวิสัยทัศน์ของพวกท่าน พร้อมกับใช้องค์กรที่มีศักยภาพสูงของท่านมาช่วยกันจัดการกับวิกฤติที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้”นายกฯ กล่าว

นอกเหนือจากกลุ่มมหาเศรษฐีของประเทศไทย ยังอยากจะรับฟัง และใช้ความรู้ ความสามารถ ของภาคเอกชนทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้น สิ่งที่จะทำ ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการที่สอง คือจะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจไม่ว่าจะขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก เพื่อรับฟังพวกท่าน ด้วยตัวเองโดยตรงไม่ต้องผ่านหน่วยงานใด เพื่อให้จะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง ผมต้องการเข้าถึงความรู้ ขีดความสามารถ และความเชี่ยวชาญอันหลากหลาย ของภาคเอกชน

นอกจากนี้ ต้องการรับฟังความความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความต้องการและความท้าทายที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ผมต้องการรับฟังว่า พวกท่านต้องการที่จะร่วมมีบทบาทในการแก้ปัญหาครั้งนี้อย่างไรรวมทั้งสิ่งที่ท่านได้ทำไปแล้ว และสิ่งที่ท่านจะช่วยกันทำต่อไปและที่สำคัญ ต้องการได้ยินความคิดเห็นของพวกท่าน ว่ามีจุดไหนบ้าง ที่รัฐบาลควรจะทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

แน่นอนว่า เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องช่วยเหลือคนไทยทั้งประเทศ แต่เราสามารถขยายแรงกำลังในการช่วยเหลือ ให้ใหญ่ขึ้นได้ ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีทรัพยากรมาก มีวิธีการทำงาน และวิธีการเข้าถึงผู้เดือดร้อน ได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลจะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมีความคิดเห็นที่หลากหลาย แม้กระทั่งในกลุ่ม ผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้วยกันเอง ก็ยังมีมุมมองการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์

ผมอยากจะรับฟังทุกท่าน เพื่อช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ผมเชื่อว่า ความคิดเห็นของท่านทั้งหลาย แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ล้วนเกิดจากความรักชาติ และความปรารถนาดีต่อประเทศทั้งสิ้น และเมื่อเราเลือกที่จะปฏิบัติทางใดทางหนึ่งแล้ว ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน สนับสนุน เพื่อช่วยกันผลักดัน ให้เกิดความสำเร็จตามที่เราต้องการ ผมขอให้พวกเราทุกคน ทำงานร่วมกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน

ขอให้พวกเราใช้วิกฤติครั้งนี้ เป็นโอกาส ที่จะช่วยสร้างประเทศไทยของเรา ให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง มีความเป็นปึกแผ่น และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันของพี่น้องคนไทย ในช่วงเวลาที่ประเทศของเรา กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ขอให้พวกเราทุกคน ได้ร่วมกันแสดงพลังของความเป็นไทยออกมาอีกครั้ง ให้โลกได้เห็นว่า พวกเราคนไทย ได้ร่วมมือช่วยเหลือกัน และต่อสู้ไปด้วยกัน โดยไม่มีสีเสื้อ และไม่มีฝักมีฝ่ายทางการเมือง

ในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะเห็นว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก และความเสียหายมากมาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราจะเห็นว่า นี่คือช่วงเวลาที่เราได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กลับคืนมาด้วย คือ เราได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง ของคนไทยอีกครั้ง และเราได้ค้นพบ ความกลมเกลียว เป็นครอบครัวเดียวกันของพวกเราคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งมีความหวังแบบนั้น และเชื่อว่า คนไทยทุกคนก็มีความหวังแบบนั้นเช่นกัน ผมขอให้ทุกคนมาร่วมมือกัน ทำให้ความหวังของพวกเราเป็นความจริง เราจะต้องชนะไปด้วยกัน”

 


You must be logged in to post a comment Login