คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 22 เม.ย. 63)
คำว่า “เบี้ยแก้” มีการพูดกันมานานแล้ว เบี้ยแก้ก็คือสิ่งที่มันมาแก้ไข แก้ขัด หรือขัดข้อง หมองมัวในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดอะไรต่างๆ หรือโรคภัยไข้เจ็บ มันก็จะมีคำว่า เบี้ยแก้ มันเกิดอะไรขึ้นมา มันก็สามารถที่จะแก้ไขความขัดข้อง เจ็บปวด หรือเป็นโรคเป็นภัยนั้นๆได้ อย่างมะละกอก็เป็นเบี้ยแก้ที่ถูกตะขาบกัดต่อย ไอ้เจ้าใบหญ้านางก็เป็นเบี้ยแก้ สำหรับหนอไม้ที่มันมีสารปวดเข่า แต่ถ้าใส่ใบหญ้านางมันก็จะไม่เกิดอาการนั้น
การปวดเข่าก็หายไป ดังนั้นใบหญ้านางจึงเป็นเบี้ยแก้เจ้าสารปวดเข่าในหนอไม้ เขาจึงเอาใบหญ้านางใส่ในหม้อต้มหนอไม้ลดสารปวดเข่าของผู้บริโภคหนอไม้ และ ณ บัดนี้ เจ้าไวรัสโควิด-19 ก็มีเบี้ยแก้ คือ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งผลวิจัยของแผนแพทย์ไทยออกมาการันตีว่า มันมีฤทธิ์ฆ่าไวรัสดังกล่าว ซึ่งมันไม่ได้มารักษาหรอก แต่มันฆ่าไวรัสให้มันฤทธิ์ หมดเดชไปอะไรแบบนี้ แต่แพทย์ก็บอกอีกว่า ของพวกนี้ห้ามกินติดต่อกัน 5 วันอะไรทำนองนี้
แล้วแต่แพทย์แผนไทยที่จะทำวิจัย ค้นพบและก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งและมีแผนที่จะผลิตฟ้าทะลายโจรให้เพียงพอต่อความต้องการของคนไทย เรียกว่า ไม่ให้ขาดตลาด ให้คนไทยได้กินยาฟ้าละลายโจร เบี้ยแก้ตัวนี้ให้ไวรัสโควิด-19 ชะงักไป หรือว่า ซบเซาไป หรือในที่สุดจางหายไป หมดฤทธิ์ หมดเดช หมดอำนาจที่จะมาล้างผลาญชีวิตคนไทย เราก็จะกลายเป็นประเทศที่มีเบี้ยแก้ตัวสำคัญ มียาสมุนไพรพื้นบ้าน
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงผลศึกษาความเป็นไปได้ในการนำยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมาทดลองว่า จะสามารถต้านโควิด-19 ได้หรือไม่ โดยระบุว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรว่ามีฤทธิ์ต้านไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ในเบื้องต้นพบว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าไวรัสโดยตรงในหลอดทดลอง และยับยั้งไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในเซลล์ ดังนั้น จึงเหมาะกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสที่มีอาการแล้ว
ขณะที่ นางสุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า จากการศึกษาศึกษาฤทธิ์ต้านไวรัสโควิด-19 ของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลอง โดยทำการศึกษาจากสารสกัดหยาบเทียบกับแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่เป็นสารสำคัญ พบว่า กลไกต้านไวรัสโควิด-19 สามารถทำลายไวรัสโดยตรง และต้านไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนเซลล์ได้ แต่ไม่มีฤทธิ์ในการชักนำให้เซลล์หลั่งสารที่ช่วยยับยั้งไวรัสโควิด-19 จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค และจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยในคนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ข้อแนะนำการใช้ฟ้าทะลายโจร คือ ไม่ควรกินยาฟ้าทะลายโจรเพื่อการป้องกันโควิด-19 โดยที่ยังไม่มีอาการ , เมื่อมีอาการคล้ายหวัด ได้แก่ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศรีษะ ควรกินฟ้าทะลายโจรทันที และต้องป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่คนใกล้ชิด, หากกินฟ้าทะลายโจรแล้วอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วันให้รีบไปพบแพทย์ ทั้งนี้ ห้ามใช้ยาฟ้าทะลายโจรในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร และผู้ป่วยที่มีอาการไข้เจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น หากมีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร เช่น เกิดผื่น ลมพิษ หน้าบวม ริมฝีปากบวม หายใจลำบาก ให้หยุดใช้ยาทันทีและไม่ใช้อีก รวมทั้งควรระวังในผู้ที่ใช้ยาวาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ยาลดความดันโลหิต และการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้แขนขาชา หรืออ่อนแรง
กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงเตรียมความพร้อมในการจัดหาฟ้าทะลายโจรให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในส่วนของเกษตรกรได้ร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อยกระดับการปลูกฟ้าทะลายโจรคุณภาพสำหรับทำยา ตั้งเป้า 65 ไร่ เพื่อผลิตวัตถุดิบแห้ง 50,000 กิโลกรัม สร้างรายได้ให้เกษตรกร 6 ล้านบาท ด้านสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สนับสนุนฟ้าทะลายโจร สนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 1 ล้านแคปซูล (30,000 คน) และโรงพยาบาลรัฐ 44 แห่ง มีปริมาณฟ้าทะลายโจร 9.2 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป้วย 1.9 แสนคน มีกำลังผลิต 2.6 ล้านแคปซูล/วัน และมีปริมาณวัตถุดิบสามารถผลิตยาได้อีก 7.3 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป่วย 1.5 แสนคน
อาตมามองว่า ความจริงแต่ก่อนนี้ก็ปลูกฟ้าทะลายโจรกันมาก โดยเฉพาะที่วัดสวนแก้ว เรียกว่า ปลูกมากก่อนที่น้ำท่วมใหญ่มลายหายไป อาตมาคงจะนำกลับเอามาปลูกกันใหม่ ทำกันใหม่ แต่มันยังมีตัวอื่นมาสำรองกระชับไล่กันมา เบอร์ 1-3 เช่น อาหารเปรี้ยวอย่างมะนาว อาหารที่มีลักษณะเปรี้ยวกับเปรี้ยวเผ็ดร้อนนี่ ไวรัสไม่ชอบเลย คือ มันเป็นเบี้ยแก้ตรงที่ว่า มันเป็นของอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้ามีตัวนี้ ตัวนั้นต้องไม่มี หรือมันเป็นกฎ เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงมี ถ้าไม่มีสิ่งนี้ สิ่งนี้ก็ไม่มี
ถ้าเรามีฟ้าละลายโจร มีของเปรี้ยวๆ มะขามกินทานไว้ ไวรัสโควิดมันก็ไม่มีกับเรา มันจะมีที่ไหนก็ช่างมัน แต่มันไม่มีกับเรา เราก็รอดปลอดภัย อันนี้จึงถือว่า โลกเราใบนี้มีอะไรขึ้นมามันก็ต้องมีเป็นเบี้ยแก้ บางทีเบี้ยแก้แบบหนามยอกหนามบ่ง อย่างเซรุ่มพิษงูก็เอามาสู้กับพิษของงูที่กัดคน แม้แต่กระทั่งของเล็กๆน้อยๆ งูกัดก็ใช้เชือกรัด แต่ต้องเป็นเชือกกล้วย มันจะแพ้ทางกัน ซึ่งคำว่า แพ้ทางกัน คือคำว่า เบี้ยแก้
ดังนั้น ไวรัสโควิด-19 มันก็ต้องมีแพ้ทาง อย่างฟ้าทะลายโจร เป็นต้น และก็มีตัวอื่นตามมา ไล่กันมาจนกระทั่งเรียกว่า เมืองไทยเป็นเมืองที่มีเบี้ยแก้หลายอย่าง หลายตัวที่จะมาคอยสกัดกั้นเจ้าไวรัสหรือตัวไหนๆ โรคภัยไข้เจ็บแบบอื่นๆก็จะมีตัวไหน ตัวนี้ ตัวโน้น แล้วแต่คนจะค้นพบ เรื่องคนค้นพบที่ถือว่า เป็นตำนานเล่าขานกันไม่รู้จักจบ เป็นนิทานดราม่าที่สุดเห็นจะเป็นหมอชีวกโกมารภัจจ์ รู้จักเอาผลไม้ ใบหญ้าที่มีอยู่ในป่าเอามาเป็นเบี้ยแก้รักษาโรคต่างๆ
ทั้งนี้ หมอชีวกโกมารภัจจ์ นี่ก็เป็นหมอประจำของพระพุทธองค์ และเป็นหมอที่โด่งดัง รู้จักต้นไม้ใบหญ้าแทบทุกชนิดว่า มันเป็นยา เป็นสมุนไพร เป็นเบี้ยแก้แต่ละอย่างมากที่สุดในยุคโน้น ยุคที่ยังไม่มีหมอวิทยาศาสตร์การแพทย์แบบสมัยใหม่ก็จะอาศัยตำราหมอชีวกโกมารภัจจ์ และพวกยาตำราต่างๆมารวบรวมไว้อย่างวัดโพธิ์อย่างนี้ เป็นต้น และมีการเรียนรู้ ศึกษากันมาจนประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเบี้ยแก้ มีสมุนไพรเอากำจัดพวกที่เป็นโรค เป็นภัยต่างๆอย่างสมบูรณ์ที่สุดประเทศหนึ่งในโลก เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัวว่า เราจะจนปัญญา ไม่มีวัคซีนเหมือนประเทศอื่น แต่เราก็คงมีสมุนไพรเหล่านี้ไว้แก้ขัด แก้ไขได้ต่อไปในอนาคตและปัจจุบัน
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login