- ปีดับคนดังPosted 14 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
ม.มหิดลชี้รังสีUVฆ่าเชื้อไวรัสCovid-19ได้หากใช้ถูกวิธี
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ แสง UV เป็นสเปกตรัมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งมีความถี่ที่สูงกว่าช่วงของแสงที่ตาเรามองเห็นได้ปรกติ โดยแสง UV-C เป็นแสง UV ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กหรือเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งนี้ การใช้แสง UV แม้จะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่ต้องระมัดระวังหากนำไปใช้ไม่ถูกวิธีอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่แนะนำให้ใช้แสง UV ในการฆ่าเชื้อโรคบนร่างกายมนุษย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภาพงษ์ พงษ์นภางค์ หัวหน้าภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประธานภูมิภาคเอเชียและออสเตรเลีย สมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติ กล่าวว่า UV-C เป็นรังสียูวีที่มีความยาวคลื่นสั้น หากใช้ด้วยความเข้ม หรือระดับปริมาณที่เหมาะสม จะมีคุณสมบัติในการทำลายจุลชีพ ซึ่งรวมถึงเชื้อไวรัส Covid-19 ได้ โดยความยาวคลื่นที่เหมาะสมในการทำลายเชื้อจุลชีพอยู่ที่ประมาณ 200 – 313 นาโนเมตร โดยค่าที่ดีที่สุดอยู่ที่ 260 นาโนเมตร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภาพงษ์ พงษ์นภางค์ กล่าวต่อไปว่า ไวรัสแต่ละชนิดมีความทนต่อยูวีต่างกัน ซึ่งการทำลายเชื้อจะเกิดขึ้นเวลาที่ตัวรังสี UV เข้าไปตกกระทบกับตัวไวรัส แล้วไปทำลายโครงสร้างของตัวไวรัส ทำให้ไม่สามารถที่จะจำลองตัวเอง เพื่อที่จะขยายจำนวนได้ต่อไป เป็นการทำให้เชื้อตาย โดยที่ต้องใช้พลังงานจากรังสี UV ที่เหมาะสม ซึ่งในส่วนของรังสี UV-C ไม่ใช้ฆ่าเชื้อกับคน แต่จะใช้ฆ่าเชื้อที่อยู่บนพื้นผิววัสดุต่าง ๆ เช่น มือถือ พวงกุญแจ หรือวัสดุที่ไม่สามารถซักล้างทำความสะอาดได้
“จริงๆ แล้ว UV คลื่นอื่น ๆ ก็ใช้ฆ่าเชื้อได้เหมือนกัน แต่ต้องใช้เวลานานกว่า เพราะว่ามีพลังงานที่ต่างกันมาก เช่น เวลาเราออกไปตากแดด โดนรังสี UV-A และ UV-B กว่าผิวจะไหม้ใช้เวลาเป็นชั่วโมง แต่ถ้าเป็น UV-C จะใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีเท่านั้น หากอยู่ในระยะใกล้ และมีความเข้มสูง เพราะฉะนั้น หากเราจะใช้เครื่องที่ใช้ฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C ต้องมั่นใจว่าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน และมีความถี่ที่เหมาะสม ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ เราควรป้องกันตัวเองด้วย ซึ่งหากเป็นเครื่องที่ปล่อยแสง UV-C ในกล่อง หรือภาชนะปิดจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าถ้าเป็นแสงไฟที่ซื้อมาเป็นหลอดที่ปล่อย UV-C ออกมา เวลาใช้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง หากจะใช้ฆ่าเชื้อในห้อง เวลาเปิดหลอดไฟไม่ควรจะเข้าไปอยู่ในห้อง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อผิว และดวงตา ซึ่งหากแสงส่องโดนผิวหนังโดยตรง อาจทำให้เซลล์ผิวหนังถูกทำลาย และมีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนัง และหากแสงสาดเข้ามาในดวงตา อาจทำให้ตาอาจเป็นต้อ หรือเกิดความผิดปกติได้ จากการโดนรังสีทำลายกระจกกับเลนส์ตา ดังนั้น จึงควรที่จะต้องจัดเตรียมทุกอย่างไว้ก่อน แล้วให้ตัวเราอยู่นอกห้อง ก่อนเปิดสวิตช์ ให้แสงออกมา แล้วทิ้งไว้ในระยะเวลาที่พอสมควร จึงปิดหลอดไฟ”
“บุคลากรทางรังสีเทคนิค เป็นบุคลากรสำคัญในการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วย Covid-19 โดยจะต้องมีการสัมผัสกับตัวผู้ป่วย จากการเอกซเรย์ปอด และทำ CT Scan ฯลฯ ซึ่งต่อไปทางภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะเปิดโอกาสให้อาจารย์ ตลอดจนนักศึกษาในภาควิชาฯ ได้มีการเรียนรู้ และทำงานวิจัยในเรื่องของรังสี UV กันให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งเราปฏิบัติงานโดยมุ่งหวังให้ผู้ป่วยปลอดภัย และตัวเราเองปลอดภัยด้วย” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภาพงษ์ พงษ์นภางค์ กล่าวทิ้งท้าย
****สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210
You must be logged in to post a comment Login