คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 28 เม.ย. 63)
คำพังเพยโบราณที่ว่า “ผีซ้ำด้ำพลอย” , “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” ประเทศไทยต่อแต่นี้ไปจะเป็นอย่างนี้มั้ย จะผีซ้ำด้ำพลอย , พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หลังจากเจ้าโควิด-19 ซาไป จางไป ประเทศไทยจะต้องเผชิญอะไร ตอนนี้มีคำกล่าวออกมาแล้วว่า จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุด 50 ปี 30 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยเจอก็แล้วกัน แต่ว่ากันว่า วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นกับประเทศถึงกับจีดีพีติดลบ 8 อะไรทำนองนั้น
ถ้าจีดีพีของประเทศไทยติดลบถึงขนาดนี้ เราเคยตั้งใจจีดีพีจะโตเท่านั้น เท่านี้ 3.7 หรือ 3.5 แต่ตอนนี้หมดท่าแน่ๆ และเรื่องนี้ไม่ต้องใช้โหราศาสตร์สามารถประเมินได้ว่า ในเมื่อคนไม่มีงานทำ ในเมื่อหางานไม่ได้ เงินก็ต้องหาไม่ได้ และรายจ่ายยังมีเท่าเดิม แต่รายรับไม่เข้ามา อันนี้แหละที่เรียกว่า มันซ้ำซากแล้วๆเหล่าๆ เรามักจะบ่นกันว่า มันอะไรของประเทศไทย มันทำไมมาเดือดร้อนซ้ำๆ ซ้ำเติมกระหน่ำให้ต้องมาลำบาก การที่ติดลบขนาดนั้นมันไม่เคยมีในประเทศไทย มันมีแต่ขึ้นหรือลดลงไปเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ที่นี้มันถอยหลังหกคะเมนไปเลย และเมื่อตอนนี้เราพอรู้กันแล้วว่า จะเป็นอย่างนั้น จะทำอย่างไร จะทำชีวิตยังไง ฝึกฝนจิตใจตั้งท่ารับเศรษฐกิจอาภัพ เศรษฐกิจสลบไสล เราจะต้องไม่อาภัพ คิดความประพฤติ ความนึกคิดใฝ่สรรค์อะไรต่างๆให้เราจะต้องเจริญให้เกิดขึ้นกับชีวิตจิตใจของเรา เราต้องมาดูมุมที่จะทำให้ชีวิตพ้นผ่านวิกฤต ให้พ้นผีซ้ำด้ำพลอย” , “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก เรียกว่า เกิดลำบากยากเข็ญกันเลือดตาแทบกระเด็น ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษของเรา เคยเล่าให้ฟังว่า ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1-2 มีขึ้นแต่ละครั้งนั้นสร้างความยากจนข้นแค้น
ขัดสน ฝืดเคือง อย่างชนิดที่เรียกว่า เลือดตาแทบกระเด็น เป็นทุกข์ เป็นร้อยกันอย่างสาหัสสากรรจ์ เรียกว่า ผ้านุ่ง ผ้าห่มแทบจะไม่มี ต้องใช้กระสอบนุ่งกันเลยว่างั้นเถอะ เรียกว่า ไม่มีเงินจะซื้อเสื้อผ้านุ่มห่ม เวลามันยากจนข้นแค้นขึ้นมาแล้วมันเป็นได้ถึงขนาดนั้น เอาล่ะ ในเมื่อเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เราเคยอยู่กับคำสอนที่ว่า มักน้อย สันโดษ สัมถะ เรียบง่าย ขยันประหยัดอดออม ต่อแต่นี้ไป การกิน การใช้ การเที่ยว การเตร่ พูดสรุปคำเดียวเท่านั้น ถ้าเราจะอยู่ได้ มันต้องตัดใจส่วนเกิน
ต้องคายเหยื่อ เมื่อทุกข์มา อย่ามัวไปหลงเหยื่ออยู่ ปลามันตายเพราะเหยื่อมาก เพราะเขาเอาเหยื่อล่อ เอาแห เอาอวน ไปจับขึ้นมาถอดเกล็ดแหวกไส้ใส่กระทะ เรียกว่า เหยื่อ ดังนั้นเหยื่อในโลกเรามีอะไรบ้างล่ะ พวกส่วนเกินทั้งหลาย เหล้ายา ของใช้แพงๆหรูๆ ก็เราอยู่กับมันอย่างชนิดที่แนบแน่น เป็นแฝงกันเลย คนไทยก็ชอบมั่งมี ชอบโอ้อวด ชอบทะเยอทะยาน ฟุ้งเพ้อ ไม่รู้จักคำว่า น้อยๆ มักน้อย อยู่น้อย กินน้อย แต่ทำงานหนักเพิ่มขึ้น
ถ้ามีการทำงานหนักเพิ่มขึ้น ถามว่า จะตั้งหลักกันแบบเอา ไม่เอา เมื่อก่อนนี้คนจนรับจ้างเกี้ยวข้าว ตัดอ้อย เขาเคยจนกระทั่งไม่มีเงิน ต้องไปขอเบิกเงิน แล้วไปกินข้าว ไปทีหลัง เราเรียกว่า ตกเขียว เราตกต่ำ ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากยากจนข้นแค้นฝืดเคืองนี่ เราจะพลิกตกเขียวใหม่มั้ย ทดลองดู ที่เคยได้ 300 บาท มันเหลือ 100 – 200 บาท พอยาไส้ไปวันๆ ปรากฏว่า ก็มีคนเอา จ่าย 200 อีก 100 เข้าบัญชีเป็นเงินออม เป็นสมุดฝากเล่มเล็กๆ ทางวัดเรียกว่า สมุดเหลือง
สมุดเหลืองบันทึกไว้วันละ 100 บาท ถ้าเดือนหนึ่งเขาทำครบก็อัพเดทขึ้นตัวเลขเท่าไร พอครบปีสองปีพอวิกฤตผ่าน เขาบอกปีหน้า ปีโน้น เราต้องฟื้นมัน มันไม่มีอะไรที่ดิ่งเหว หักปัก ไม่โงขึ้นเลย มันก็มีขึ้นแล้วก็มีลง เรียกว่า ขาขึ้น ขาลง ตอนนี้ขาลงเนี่ย ถ้าเรายังทำตัวลอยอีก ติดลมบน กินติดลมบน ใช้ติดลมบน กินหรู อยู่แพง สำแดงตนเป็นคนหัวนอก ผลที่สุดกินสูงมันก็ต้องตกเจ็บ เราลองมากินต่ำๆกันบ้างมั้ย
อาตมาเห็นเขาทำสปอตโฆษณาเหมือนผีกระเสือ ผู้หญิงเขามีไส้ห้อยลงมาว่า คนไทยถ้าไม่กินผัก กินผลไม้ ลำไส้ก็จะแย่ ที่เจ็บป่วยเป็นโรคกระเพาะ เพราะฉะนั้น เรามีผัก มีหญ้าเยอะแยะ ผักบุ้งก็หาง่าย ผักและผลไม้ที่มีมากมายในบ้านเรา ที่วัดก็เลยจัดการเรื่องผลไม้นี่ โดยตั้งสโลแกนว่า “ผลไม้กระจายบุญ” คนมาซื้อกันทั้งวัน ตอนนี้ชักจะโล่งอกแล้ว ตอนแรกหนักใจว่า โครงการซื้อที่ดินให้คนจนปลูกผลไม้นึกว่า จะไปไม่รอดแล้ว คนไม่มาวัด เพราะโรคโควิดมา
แต่พอสื่อต่างๆ ซึ่งอาตมาขอขอบอก ขอบใจ ทีวี หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ทุกช่อง ช่วยทำให้เศรษฐกิจของวัดสวนแก้วฟื้นขึ้นมาในพริบตาช่วงระยะไม่กี่วันมานี่ทำท่าจะหวนกลับมา เรียกว่า เกือบครึ่งต่อครึ่ง จากชนิดที่เรียกว่า เหมือนวัดร้าง นั่งอยู่ 2-3 วัน ไม่มีคนมาทำบุญสักบาท แต่ช่วงนี้กลับมาสวิงมีคนมาทำบุญมากได้ ต้องเรียกกันว่า มันมีขึ้น มีลง มีคนที่อาศัยองค์ประกอบที่สามารถพลิกผันได้ อาตมาก็ขอให้คนไทยทุกคนเตรียมฝึกตน กินมื้อ อดมื้อ จะอยู่ได้มั้ย
พระพุทธเจ้าฝึกจากลูกกษัตริย์ เสวยเยอะแยะเหลือวันละมื้อเดียว ท่านก็มีอายุถึง 80 ปี เราลองลดอาหารกันคนละมื้อ ชาวบ้าน ฆราวาสกิน 2 มื้อ เช้าเย็น พระก็เหลือมื้อเดียวก็น่าจะอยู่ได้ ลองดูเถอะน่ะ สู้ยิบตาสักทีกับคำว่า ผีซ้ำดั้มพลอย ,พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ต้องสู้ยิบตา ไม่ใช่หลับหู หลับตา งี่เง่า กินเกิน ใช้เกินเหมือนเดิมอีก มันก็แน่จนถาวร จนเรื้อรัง จนตลอดกาล ก็หวังว่า คนไทยต้องคิดทำพวกน้อยๆเนี่ย ไอ้ของถูกๆ ต่ำๆ ที่เรียกว่า ใช้สอย ใช้สวยไม่เอาตัดออกไป เหลือแต่ใช้สอยอยู่ได้แน่นอน
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login