- อย่าไปอินPosted 4 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 23 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
นายกฯยันต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก1เดือน
วันนี้ (28 เมษายน 2563) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ภายหลังประชุมครม.ว่า อยากเรียนประชาชนวันนี้รัฐบาลไม่ได้ทำแต่เรื่องโควิด-19 อย่างเดียว จำเป็นต้องดูแลเรื่องเศรษฐกิจต่างๆ เครื่องจักร เครื่องยนต์ ขับเคลื่อนประเทศไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีหลายส่วนงานด้วย ใช้งบประมาณปกติของงบประมาณปี 63 เตรียมแผนการใช้งบประมาณปี 64 เพื่อให้สอดคล้องในการใช้เงินกู้ในการเยียวสถานการณ์โควิด-19
นายกฯกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลจำเป็นต้องต่ออายุพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือนคือตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป ส่วนข้อกำหนดต่างๆยังคงสภาพเดิมอยู่ในการเคลื่อนย้าย ในการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อีกส่วนจะมีมาตรการผ่อนคลายปลดล็อกกิจกรรมต่างๆซึ่งขณะนี้มีคณะกรรมการศึกษาทำรายละเอียดในเรื่องเหล่านี้ว่ามีกิจกรรมใดที่ควรจะผ่อนปรนบ้าง ในตอนนี้และระยะต่อต่อ ขอให้ทุกคนรอฟังการแถลงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีหลายภาคส่วนเป็นส่วนร่วม ทั้งภาครัฐ เอกชน ธุรกิจ และในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับการบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 เดือน มาตรการการจำกัดการเข้า-ออกในราชอาณาจักรทางบก น้ำ และอากาศ ครม.ก็มีมติให้ขยายไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. เช่นกัน ซึ่งวันนี้เครื่องบินโดยสารต่างๆก็หยุดบิน ต่างประเทศก็ไม่ได้บินเข้ามา ยกเว้นในเรื่องของการขนส่งสินค้า หรือการบริการรับ-ส่งในการนำคนไทยกลับเข้าประเทศ สำหรับการประกาศเคอร์ฟิว ก็ยังคงเวลาเดิมคือระหว่างช่วงเวลา 22.00 -04.00 น. การงดหรือการชะลอข้ามพื้นที่จังหวัดก็ยังคงมีอยู่ก็ขอฝากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดูแลเพื่อลดการแพร่ระบาด จะได้มีการควบคุมและตรวจสอบได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่มีความเป็นห่วงอีกประเด็นหนึ่งคือเมื่อเราคลายการปลดล็อคไปแล้ว ก็ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเข้าไปในพื้นที่ที่มีกิจกรรมแออัดมากๆไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมใดๆ ก็ตามต้องระมัดระวังตัวเองทั้งหมดก็เพื่อตัวของพวกท่านเองและครอบครัว
นายกฯกล่าวว่า ทั้งนี้ รายละเอียดต่างๆรอฟังการแถลงข่าวสัปดาห์นี้ว่าจะมีผลอะไรออกมาบ้าง ทั้งนี้ ตนได้มอบนโยบายให้คณะกรรมการพิจารณาว่า ต้องเอากิจการที่มีทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดมาดู โดยขณะนี้หลายมาตรการได้กำหนดลงไปในหลายจังหวัดแล้ว ส่วนมาตรฐานกลางก็มีข้อกำหนดลงไป ในช่วงที่ผ่านมาก็มีความเดือดร้อนในเรื่องของรายได้ และชีวิตความเป็นอยู่โดยสมควร
ทั้งนี้การผ่อนปรนมาตรการต่างๆโดยเอากิจกรรมทั้งหมดมารวมกันแล้วคิดว่า 100 เปอร์เซ็นต์มีอะไรอยู่บ้าง แล้วเอามาแบ่งเป็น 4 ระยะ คือระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ซึ่งแต่ละระยะจะห่างกัน 14 วัน เพื่อประเมินว่าหลังผ่อนปรนไปแล้วมีการแพร่ระบาดอะไรหรือไม่ หรือจำเป็นต้องปิดอีกหรือเปล่า ตรงนี้เราจะประกาศเมื่อถึงเวลาว่าอะไรจะผ่อนคลายในระยะที่ 1 บ้าง อย่างไรก็ตามตนคำนึงถึงผู้มีรายได้น้อย ท่านก็ต้องร่วมมือกับรัฐบาลด้วย ในส่วนของมาตรการที่ออกมาขั้นต้น ท่านก็ต้องมีมาตรการเสิรมของท่านเอง ไม่ว่าจะเป็นท้องที่ ท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก ขอเห็นใจรัฐบาลบ้าง เราต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยชีวิตประชาชนเป็นหลักด้วย สถานการณ์ด้านสาธารณสุขก็มีความสำคัญอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามอะไรที่สามารถผ่อนคลายได้ก็ผ่อนคลายไป แต่หากผ่อนคลายไปแล้วหากมีการแพร่ระบาดอีกก็จำเป็นต้องปิดอีก ตนไม่อยากให้ย้อนกลับไปจุดนั้น อยากขอความร่วมมือในระยะที่ 1 ขอให้ทุกคนทำให้ดีที่สุด ซึ่งเราได้แบ่งไว้เป็น สีขาว สีเขียว สีเหลืองและสีแดง ต้องเป็นตามระยะเวลาที่ 14 วัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบก่อน ก็ต้องขอความร่วมมือจากสถานประกอบการต่างๆ ก็ขอให้ใจเย็นนิดนึงไหนๆ ท่านก็อดทนกับตนมาแล้ว ตนก็เจ็บปวดไปกับท่านนั้นแหล่ะ ตนเข้ามาเพื่อทำงานตรงนี้เพื่อดูแลประชาชน ซึ่งวันนี้สถานการณ์กดดันเราเข้ามามากมายหลายประการด้วยกัน และไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ประเทศเดียว ทั้งภูมิภาคทั้งโลกเดือดร้อนเรื่องโควิด-19 กันหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า สำหรับมาตรการผ่อนปรนเรา จะทำเป็นระยะๆแบบค่อยเป็นค่อยไป จะพิจารณากิจกรรมที่จำเป็นเสี่ยงน้อยก่อน และจะต้องมีมาตรการคู่มือ การตรวจสอบประเมินผล การตรวจสอบด้านการสาธารณสุข ในกลุ่มเสี่ยงต่างๆดังนั้นสถานประกอบการก็ต้องเตรียมการในส่วนของตัวเองให้พร้อม ซึ่งจะต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้งจากมาตรการที่รัฐได้ออกไปตรงกลางแล้ว ทุกคนสามารถเพิ่มเติมในส่วนของตัวเองได้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสถานที่ของท่านปลอดจากโควิด เจ้าหน้าที่ พนักงานต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการตรวจโรคจะต้องทำให้คนเกิดความไว้วางใจในการที่จะเข้าไปยังสถานที่นั้นๆ อย่างไรก็ตามหากมีการคลายล็อคก็จะมีการแจ้งให้ทราบในเร็วๆนี้และเมื่อถึงเวลาที่จะปลดล็อคก็จะประกาศให้ทราบ
“วันนี้ขอร้องทุกคนอย่าเรียกร้องมากนัก วันนี้ขอให้เอาส่วนของตรงกลางมาพิจารณาในนโยบายก่อน ในส่วนของแนวปฏิบัตินั้นก็ต้องฟังจากท้องถิ่นและพื้นที่ด้วยโดยเฉพาะจากกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด อย่างไรก็ตามเราต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดที่อาจจะกลับมาทำให้ทุกอย่างที่ทำไปนั้นเสียเปล่าโดยสิ้นเชิง ผมไม่ต้องการให้ย้อนกลับไปเหมือนกัน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯกล่าวว่า ช่วงนี้ขออย่าละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เราปลอดภัยมาจนถึงวันนี้ จนได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศหลายประเทศด้วยกันในเรื่องการดูแล ไม่ได้มีอะไรปิดบังทั้งสิ้นทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่มีอยู่ วันหน้าจะต้องเพิ่มการตรวจประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้มากยิ่งขึ้น วันนี้หลายแสนคนอยู่ เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วใกล้เคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่เขาแก้ปัญหาโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เราต้องศึกษาเรื่องเหล่านี้ ถ้าเรามัวแต่ติติงกันไปมากๆโน่นนี่แสดงความคิดเห็นกัน บางทีไม่เป็นประโยชน์เลย ขัดแย้งไปทั้งหมดทำให้การแก้ปัญหาไปไม่ได้ ประเทศชาติก็เดินหน้าไม่ได้ ตนขอแค่ความร่วมมือความเข้าใจ อย่ามองในทางที่ผิดไปทั้งหมด เพราะเราพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องตลอดเวลาที่ผ่านมา
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับประมาณที่เราเตรียมกู้ไว้ทั้งหมดมีแผนงานใช้จ่ายโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยขอให้แยกแยะออกจากกันว่าอะไรคือผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 อะไรคือมาตรการปกติ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องดูแลพื้นฐานก็ต้องดูแลการใช้จ่ายดังกล่าว
You must be logged in to post a comment Login