วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

รัฐบาลยังอยู่ได้อีกนาน

On May 6, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 พ.ค. 63)

ช่วงนี้มีหลายโพลออกมาสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีการต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทยของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรากฏว่า บุคคลที่โดดเด่นในการแก้ปัญหาเรื่องเจ้าโควิด-19 มีท่านนายกรัฐมนตรี เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ และบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์และพยาบาล ต่างก็เรียกว่า ได้รับความโดดเด่นในการแก้ปัญหา เรียกว่า เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน

โดยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,551 ตัวอย่าง เรื่อง บิ๊ก เนม โควิด- 19 เมื่อถามถึง บิ๊กเนม คนสำคัญชื่อเด่นโดนใจในรัฐบาลแก้โควิด-19 พบ 5 อันดับแรก ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 35.7 รองลงมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 29.5 อันดับ 3 ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร้อยละ 21.4 อันดับ 4 ได้แก่ นาย อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยละ 18.0 และอันดับ 5 ได้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 15.5

ส่วนบิ๊กเนม มหาเศรษฐี คนสำคัญชื่อเด่นโดนใจ ช่วยเหลือประชาชน แก้โควิด-19 พบ 5 อันดับแรก ได้แก่ นาย ธนินท์ เจียรวนนท์ กลุ่มซีพี ร้อยละ 22.4 รองลงมา ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กลุ่มซัมมิท ร้อยละ 10.0 อันดับ 3 ได้แก่ นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ โรงพยาบาลกรุงเทพและบางกอกแอร์เวย์ส ร้อยละ 9.1 อันดับ 4 ได้แก่ นาย ศุภชัย เจียรวนนท์ กลุ่มซีพี ร้อยละ 7.4 และอันดับห้า ได้แก่ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ กลุ่มซัมมิท ร้อยละ 7.1 ตามลำดับ

นอกจากนี้ บิ๊กเนม โรงพยาบาลชื่อเด่นโดนใจ ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ โควิด-19 พบ 5 อันดับแรก ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร ร้อยละ 58.6 รองลงมา อันดับ 2 ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี ร้อยละ 52.9 อันดับ 3 ได้แก่ โรงพยาบาล รามาธิบดี ร้อยละ 51.4 อันดับ 4 ได้แก่ โรงพยาบาล ศิริราช ร้อยละ 47.1 และอันดับ 5 ได้แก่ โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ ร้อยละ 43.3 ตามลำดับท้ายที่สุดเมื่อถามว่า อะไรทำให้ประเทศไทยแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.6 ระบุ แพทย์ พยาบาล อสม. เก่ง เสียสละ รองลงมาคือ ร้อยละ 65.7 ระบุ มาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ร้อยละ 59.5 ระบุ คนไทยตระหนัก ปัญหาร่วมกัน ร้อยละ 58.6 ระบุ คนไทยระดับกลาง ถึง ล่าง ดูแลช่วยเหลือกันเอง และร้อยละ 56.1 ระบุ เพราะทุกคนกลัวตาย ตามลำดับ


ต้องเรียกว่า ถ้าประชาชนชื่นชอบยังนิยมพล.อ.ประยุทธ์ อย่างนี้ก็ต้องถือว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ได้อีกนาน เพราะยังเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน แต่ว่า คุณอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า เจ้าไวรัสโควิด-19 ยังต้องอยู่กับเราไปจนกว่าจะได้ยารักษาและวัคซีนมาแก้จะทำให้เราหมดวาระแห่งการต่อสู้กับเชื้อโรคตัวนี้ แต่คุณอนุทิน บอกว่า เจ้าไวรัสโควิดนี้จะอยู่กับเราไปอีก 2 ปี ต้องถือว่า หนักหนาสาหัสเช่นกัน

เราไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว เจ้าไวรัสโควิดจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไรถึงจะหมด แต่ถ้าเจ้าโควิดยังอยู่คงจะไม่สร้างสรรค์แน่นอน อยู่ถ่วงความเจริญประเทศชาติ เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญ เพราะว่า มันทำให้เกิดภาวะตึงเครียดทางเศรษฐกิจ อย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า วิกฤตเจ้าโควิดจะทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่า หนักหนาสาหัสเหมือนกัน

แต่เอาล่ะ กี่ปีๆ มันสำคัญที่ว่า เราใจดีสู้เสือแค่ไหน อย่างไร แต่อย่างเบื่อหน่าย ท้อแท้ชีวิต หมดหวัง ขอให้ต่อสู้ต่อไป ยังไงก็ 1-2 ปี เราก็อยู่ในความหวังว่า เราจะต่อสู้เจ้าโควิดได้จนกว่าโรคระบาดจะหมดหายไป เพราะไม่มีอะไรที่จะอยู่ไปถาวรตลอดกาล อาตมาหวังว่า คงจะให้บทเรียนในการเป็นอยู่สู้กับโรคร้าย และเป็นบทเรียนราคาแพง โดยเฉพาะคนที่ชอบกินอยู่ ใช้จ่าย เที่ยวเตร่ ไม่เคยสะสมต้นทุนสำรองไว้จ่ายในยามวิกฤตก็ต้องอยู่อย่างลำบาก อยู่อย่างสาหัสสากรรจ์ไป

เพราะฉะนั้น เขาต้องเชื่อมั่นว่า การที่เตรียมตัวแบบโบราณกันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน ไม่ว่าจัดการเรื่องแก้อะไรก็ตาม ขอให้ได้ทำไว้ก่อน มีทุนรอนไว้ก่อน ไม่ใช่หมดเนื้อ หมดตัว พอเกิดเหตุการณ์ก็หมดท่า ไม่มีอะไรอีกที่จะตั้งสู้ ตั้งรับ จึงเกิดคนอาภัพที่จนปัญญา ฆ่าตัวตาย หนีความทุกข์ยาก ไม่สู้ เพราะไม่ได้เตรียมใจสู้ ถ้าเตรียมจะสู้ก็น่าจะพอสู้ได้ สู้ไหว คงไม่ถึงกับหมดอาลัยตายอยาก ถ้าหมดใจที่จะสู้ มันหมดไปกับความรู้สึกที่ประมาท ไม่เคยนึกที่จะอยู่อย่างชนิดที่รู้เท่า รู้ทัน รู้แก้ รู้กัน ว่า โลกใบนี้ มันมีสิ่งที่เรียกว่า ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน

ดังนั้น การที่เรารู้ในวาระของความไม่เที่ยง ทำให้เราได้เปลี่ยน แต่ถ้าเราไม่เตรียมเนื้อ เตรียมตัว เตรียมใจอะไร ยังเที่ยวเล่นไปวันๆ เราก็จะเสียเปรียบเหตุการณ์ เสียเปรียบคนอื่น ที่เขายืดหยัดต่อสู้ รู้เท่า รู้ทัน รู้แก้ รู้กัน เขาสามารถที่จะเอาตัวรอดในยามวิกฤตนี้ได้อย่างทระนง องอาจ ไม่เสียขวัญกำลังใจ มีขวัญดี กำลังใจเด่น และในที่สุดเขาก็ต้องพบกับความชนะปัญหาเรื่องวิกฤต เหตุการณ์ต่างๆได้ ถ้าคนเราเตรียมตัว เตรียมใจ ฝึกฝนตนไว้ อย่าปล่อยให้อำนาจความอยากกิน อยากเที่ยว อยากเล่น อยากสนุก เป็นเจ้าสำราญ

พอเจอสถานการณ์วิกฤตก็ต้องพบกับความทุกข์ เสียใจ ความอยู่รันทน หดหู่ เจ็บปวด รวดร้าว ก็เป็นเพราะว่า ไม่นึกว่า มันจะเป็น ไม่เคยคิดว่า มันจะเป็นเหตุการณ์เสียหายเกิดขึ้น พอเกิดความเสียหายก็เรียกว่า ต้องเศร้าก่อนคนอื่น ทุกข์ก่อนคนอื่น และอาจจะตัดสินใจฆ่าตัวตายก่อนคนอื่น เพราะฉะนั้น ต้องคิดให้ดี คิดให้ได้ อย่าอยู่อย่างประมาทเด็ดขาด ความประมาทนั้นเป็นสิ่งที่รอความตายมาล่วงหน้าได้เลย คนอยู่ด้วยความประมาทเหมือนคนที่ทำพาสปอร์ตไปสู่ความล้มเหลว และต้องพบกับความหายนะหลายๆอย่าง เพราะฉะนั้น ต้องระวังเนื้อ ระวังตัว ฝึกฝนความเป็นอยู่ ใช้จ่าย เที่ยวเตร่ให้มันอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า มียับยั้ง เบรกรั้ง หักห้าม ไม่ใช่ไหลรูดไปอย่างชนิดที่ไม่มีหลักยึด หลักเกาะอะไรเลย ก็เรียกว่า หลุดกระเด็นไปจากความมั่นคงของชีวิต

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login