- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 8 hours ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 1 day ago
- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 2 days ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 3 days ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 4 days ago
- อย่าไปอินPosted 1 week ago
- ปีดับคนดังPosted 1 week ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 weeks ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 2 weeks ago
‘ไดกิ้น’ ผู้นำนวัตกรรมระบบปรับอากาศรองรับ New Normal ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภค
บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้านระบบปรับอากาศระดับโลก เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพ และสุขอนามัยของคนไทย จากรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับสู่ “ชีวิตวิถีใหม่” (New Normal) ซึ่งเน้นการใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น
การใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น ทำให้ระบบการหมุนเวียนอากาศภายในห้องที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสดชื่นอยู่เสมอ ล่าสุดบริษัทจึงได้นำข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับระบบการหมุนเวียนอากาศภายในห้องมาเผยแพร่ให้กับผู้บริโภค เพื่อให้คนหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับสุขภาพของตนเองและทุกคนในครอบครัว
การหมุนเวียนอากาศ เป็นการสลับสับเปลี่ยนอากาศระหว่างภายในและภายนอก เพื่อทำให้อากาศภายในห้องที่อาจปนเปื้อน หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพเจือจางลง หรือได้รับการปล่อยออก ซึ่งปัจจุบันมลพิษทางอากาศมีมากมาย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์, ฝุ่นภายในบ้าน , เกสรดอกไม้ รวมไปถึง แบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆ ซึ่งที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโด มีลักษณะของอากาศปิด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่อากาศสกปรกจะถ่ายเทออกนอกห้องได้ ซึ่งทำให้มลพิษยังคงวนเวียนและสะสมอยู่ภายในที่พัก
ด้วยวิธีการทำงานของเครื่องปรับอากาศ คือ การดูดอากาศภายในห้อง ทำปฏิกิริยาภายในให้อากาศเย็นลง ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนอากาศจากภายในสู่ภายนอก เครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่ จึงไม่สามารถทำหน้าที่หมุนเวียนถ่ายเทอากาศได้ บริษัทจึงมีข้อแนะนำเพื่อทำให้เกิดการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง 3 วิธี ได้แก่
1. ระบบหมุนเวียนอากาศแบบ 24 ชั่วโมง โดยติดตั้งช่องระบายอากาศอยู่บนกำแพงหรือเพดาน เมื่อเปิดใช้พัดลมระบายอากาศในห้องต่างๆ เช่น ห้องน้ำ หรือห้องอื่นๆ เป็นระบบการถ่ายเทอากาศที่ใช้กันทั่วไปในบ้านและคอนโด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ต่อการเปลี่ยนถ่ายอากาศทั้งหมดภายในห้องอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นแนะนำว่าควรเปิดระบบถ่ายเทหมุนเวียนอากาศ 24 ชั่วโมง ไว้เสมอและใช้อย่างถูกวิธี
2. เปิดหน้าต่างช่วยให้อากาศหมุนเวียน หากเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ 5-10 นาทีต่อชั่วโมง จะทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการไหลของอากาศนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าต่าง ขนาดห้อง รวมไปถึงชนิดของมลพิษที่ลอยอยู่ในห้อง ยิ่งการหมุนเวียนของอากาศมีประสิทธิภาพมากเท่าไร ย่อมลดความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อโรคที่ไม่แน่นอนได้มากเท่านั้น
นอกจากนี้ การเปิดหน้าต่างครั้งละ 5 นาที 2 ครั้งภายใน 1 ชั่วโมง มีประสิทธิภาพในการหมุนเวียนอากาศสูงว่าการเปิดหน้าต่าง 10 นาทีทุกๆ 2 ชั่วโมง ยิ่งทำบ่อยประสิทธิภาพยิ่งเพิ่มขึ้น
“หากเป็นกังวลกับมลภาวะ ที่อาจเล็ดลอดเข้ามาในขณะที่เปิดหน้าต่าง การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้บริเวณหน้าต่าง สามารช่วยลดปัญหานี้ได้ เช่นเดียวกับ การติดตั้งผ้าม่านลูกไม้ที่สามารถช่วยดักจับฝุ่นละอองได้เช่นเดียวกัน”
นอกจากนี้ ยังมีข้อแนะนำอื่นๆ ได้แก่ อากาศมีแนวโน้มจะไหลเข้าผ่านช่องที่เล็ก และไหลออกผ่านช่องที่ใหญ่ ดังนั้น การแย้มหน้าต่างเพียงเล็กน้อย บริเวณที่อากาศไหลเข้า และเปิดหน้าต่างให้กว้างที่สุดบริเวณที่อากาศไหลออก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนเวียนของอากาศได้ดี
กรณีที่เปิดหน้าต่างได้เพียงบานเดียว การเปิดประตูพร้อมกับเปิดพัดลม โดยหันพัดลมไปด้านนอกห้อง ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการระบายอากาศภายใน แต่การหันพัดลมเข้ามาด้านใน จะทำให้อากาศภายนอกไหลเข้ามามากขึ้น และไม่สามารถระบายอากาศสกปรกภายในออกไปได้
“บ้านหรือคอนโดที่มีหน้าต่างเพียงบานเดียว สามารถถ่ายเทอากาศได้โดยวางพัดลมไว้ที่หน้าต่าง กรณีที่ห้องไม่มีหน้าต่าง ให้เปิดประตูไว้และหันพัดลมออกด้านนอก จากนั้นเปิดพัดลมระบายอากาศที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องน้ำ อากาศที่ไหลเข้ามาผ่านทางห้องอื่นๆ จะช่วยทำให้การหมุนเวียนอากาศมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
3. เปิดใช้งานพัดลมระบายอากาศภายในห้องครัว การหมุนเวียนของอากาศสามารถทำได้ผ่านการใช้งานพัดลมระบายอากาศที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องครัว ซึ่งเป็นระบบระบายอากาศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในที่พักอาศัย แต่หากเปิดหน้าต่างที่อยู่ใกล้กับห้องครัวควบคู่ไปด้วย จะทำให้การหมุนเวียนของอากาศนั้นเป็นไปได้ยาก จึงแนะนำให้เปิดหน้าต่างในบริเวณที่ไกลจากห้องครัวมากที่สุด
“การเปิดหน้าต่าง 2 บานและเปิดพัดลมระบายอากาศภายในครัว จะทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี จึงแนะนำให้ทำทั้งสองอย่างนี้ควบคู่กันไป”
มร.อาคิฮิสะ โยโคยามา กล่าวว่า กระบวนการหมุนเวียนอากาศภายในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพนั้น สามารถทำได้โดยประยุกต์ใช้หลักการทั้ง 3 ข้อดังกล่าว โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย หากต้องการหมุนเวียนอากาศในบ้านทั้งหลัง วิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดหน้าต่างทั้งบริเวณระเบียงหรือทางเข้าบ้าน และเปิดประตูที่อยู่ในเส้นทางลมพัดผ่าน
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่นๆ อาทิ หากต้องการระบายอากาศในห้องนั่งเล่นเท่านั้น ในกรณีที่ไม่สามารถเปิดหน้าต่างบริเวณหน้าบ้านได้ ให้เปิดหน้าต่างทางด้านซ้ายและขวาที่หันหน้าออกไปทางระเบียง
*เมื่อทำการระบายอากาศด้วยการเปิดหน้าต่างระเบียง ถึงแม้จะเปิดเพียงแค่จุดเดียว อากาศจะไม่สามารถถ่ายเทได้ เพราะฉะนั้นจึงควรเปิดทั้ง 2 ฝั่งเพื่อให้อากาศหมุนเวียนได้”
หากอากาศยังคงไม่ไหลเวียน ให้เปิดการทำงานของพัดลมระบายอากาศ (เครื่องดูดควัน) ภายในห้องครัว พร้อมเปิดหน้าต่างบริเวณระเบียง จะสามารถช่วยให้อากาศเกิดการหมุนเวียนได้เพราะอากาศจะหมุนเวียนออกทางเครื่องดูดควัน
เพราะ “ไดกิ้น” คือองค์กรที่ “ปรับอากาศให้สมบูรณ์แบบ” ในฐานะผู้นำ จึงไม่หยุดที่จะสื่อสารและบอกต่อถึงความสำคัญเกี่ยวกับอากาศ โดยมี “สุขภาพที่ดี” ของคนไทยเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ระบบการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง” ที่เว็บไซต์ไดกิ้น https://www.daikin.co.th/service-knowledge/ventilation/
You must be logged in to post a comment Login