คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 28 พ.ค. 63)
เมื่อดูสังคมไทยในเวลานี้จะสะท้อนความเห็นได้ชัดเจนว่า ศีลธรรมตกต่ำอย่างสุดๆ ซึ่งในรอบ 100 ปี อาตมาคิดว่า คงไม่เท่ากับปีนี้ พ่อฆ่าลูก แย่งแฟนลูก หรือ แม่กรอกยาให้ลูกตายเพื่อจะเอาเงินมาจากความสงสารของคนเลยกลายเป็นเรื่องที่บาดจิตใจ อารมณ์คนไทยไม่ใช่น้อย คนที่อยู่ในศีลธรรมคงจะพูดได้คำเดียวว่า เขาทำไปได้อย่างไร เขาทำแบบนี้ทำไม ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ได้ เพราะคนดีๆทำไม่ได้
เรียกว่า คนมีศีล มีธรรมทำไม่ลง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าลูก เรียกว่า ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ทำกันง่าย ทำกันคล่อง ทำกันต่อเนื่อง มีให้เห็นอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงกลางปีนี้ เรียกกันว่า หนักหนาสาหัส ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเราคงจะต้องเรียกว่า เป็นยุค “มิคสัญญี” ฆ่ากันเหมือนผัก เหมือนปลา ไม่เหมือนลูก เหมือนพ่อ เหมือนแม่ที่อยู่มาแต่กาลก่อน ซึ่งมีแต่ความเอื้ออาทร รักใคร่ คารมนับถือ ห่วงใย
ไม่มีที่จะใจร้าย ใจดำถี่ยิบกันแบบนี้ เดี๋ยวรายโน้น รายนี่ต่อเนื่อง รายที่เอายาล้างห้องน้ำไปกรอกให้ลูกกินค่อยๆเจ็บ ค่อยๆป่วย แล้วก็ตาย เป็นเรื่องที่ถ้าหากเรื่องนี้ไม่มีการประกาศลงโทษ ลงทัณฑ์กัน และกฎหมายก็อย่าดีกับคนชั่วเกินไป กฎหมายต้องมีศีลธรรมด้วย เอาศีลธรรมผนวกบวกหน่อยว่า คดีอย่างนี้มันจะเหมือนคดีทั่วไปไม่ได้ ฆ่าคนเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นพ่อแม่ลูกฆ่ากันแล้วโทษจะเท่าๆกันมันไม่ได้
เพราะมันเกี่ยวโยงกับศีลธรรม ถ้าคนนั้นทำแบบนี้มันต่ำกว่ามาตรฐานทางศีลธรรมแล้ว ก็ต้องเรียกว่า มีโทษ มีทัณฑ์ มีการได้รับบทเรียนที่เป็นอาชญาวิทยาที่หนักหนา เพราะฉะนั้นก็หวังว่า อีกไม่นานการคิดถึงคำว่า บ้านเมืองเราตอนนี้ฆ่ากันในครอบครัวนี่ อาตมามองว่า มันจะเกินโควิดอีก โดยเฉพาะการฆ่ากันในครอบครัวที่ไม่ผาสุก มันเป็นครอบครัวนรก เหมือนสัตว์นรกอยู่กันเลย มันถึงได้มีใจร้อน ใจเร็ว ในการคิดทำอะไรกับคนในครอบครัวของตัวเอง
ตอนนี้ต้องเรียก ต้องบอกชัดๆเลยว่า อย่าให้ความตกต่ำทางศีลธรรมมากไปกว่านี้อีกเลย ท่านพุทธทาสถึงบอกว่า ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาพินาศ ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกมันจะแย่ ความเป็นอยู่ของมนุษย์จะทรุดต่ำ เพราะความเดรัจฉานจะก่อเรื่องที่ไม่น่าจะทำ การหากิน หารายได้ต่อไปนี้น่าจะคิดกันใหม่ ทำกันใหม่แล้วล่ะ เรื่องหากิน หากรรม หาเวร หากินกับลูกกรอกยาจนเสียชีวิต มันต้องเรียกกันว่า หากิน หากรรม หาเวร หาโกงจริงๆ
หวังให้คนสงสาร ต่อไปนี้คนไทยต้องตระหนักกันใหม่ว่า ความน่าสงสารของคนมันต้องมีขอบเขต มีความสืบสวน มีการตั้งหลักหน่อย ถ้าเขาแสดงความน่าสงสาร ร้องไห้ ร้องห่มออกทีวีหรือลงเว็บ ลงเฟซบุ๊คอะไรกัน คราวนี้คนก็สงสารให้เงินไป 5 ล้าน 10 ล้าน อย่างลุงขับแท็กซี่ แม่ค้ากรอกน้ำตาท่วมตานิดเดียวเงินไหลมา 5 ล้าน 10 ล้าน เพราะคนไทยเราขี้สงสาร ใจดี ใจบุญ แต่ไม่ถูกหลักตามที่พระพุทธเจ้าตรัสที่บอกว่า ถ้าเราจะใคร่ครวญก่อนแล้วค่อยทำ
พอเขาออกข่าวว่า ช่วยๆ เราก็ช่วยกันยกใหญ่ ยังไม่รู้ว่า รายต่อไปจะมีมาต้องช่วยอีกหรือไม่ รายนี้ควรช่วยเท่าไร ไม่ใช่ช่วยกันจนสำลักเงิน และความรู้สึกแบบนี้กำลังจะสร้างฆาตกร ถ้าคนไทยสงสารกันมากๆ กลายเป็นจะสร้างฆาตกรอย่างแม่เอาน้ำยาล้างห้องน้ำกรอกให้ลูกกินเพื่อจะได้คะแนนสงสาร จะได้เงิน ซึ่งความสงสารที่ไม่มีสติปัญญาควบคุม ไม่มีการสอบสวนดูหรือรอดูให้ชัดเจน หรือถ้าให้ก็ให้แต่น้อยก่อน เผื่อว่า มันเป็นเรื่องหลอกลวงขึ้นมา ดังนั้นหวังว่า คนไทยควรใคร่ครวญก่อนแล้วค่อยให้และให้อยู่บนความดีก็แล้วกัน
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login