วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เชื่อกฎแห่งกรรมยังศักดิ์สิทธิ์

On June 15, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 15 มิ.ย. 63)

ช่วงนี้ข่าวพระพยอมปลงลงหนังสือพิมพ์ ออกทีวี เรียกว่า เรียกน้ำย่อยคนที่ติดตามข้อมูลโฉนดถุงกล้วยแขกมาเป็นเวลา 10 ปี ที่อาตมาเสียเงินไป 10 ล้านบาท ได้แต่กระดาษโฉนดที่ดินของกรมที่ดิน แต่ไม่มีสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินได้ต่อไป ได้สิทธิทำอยู่ 2 ปี 7 เดือน ปลูกสร้างถมดินอะไรต่างๆ แต่แล้วจู่ๆก็มีเขาเรียกกันว่า ลูกของทายาทคนที่ให้ที่ดินกับแม่ของคนที่นำมาขายชื่อว่า นางวันทนา สมัยก่อนนี้มอบกันยังไม่ทราบ ให้กันยังไง แต่อยู่ๆต่อมามันก็เหมือนกันที่ว่า ยกให้กันด้วยปากเปล่า

แต่ไม่ได้มีการโอนโฉนด ยกโฉนด ทำนิติกรรมกันแบบสมัยใหม่ เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจกันในหมู่ทายาท ซึ่งสมัยนี้ทายาทก็ฟาดฟันห่ำหั่นกันได้ เอากันเข้าคุก เข้าตะรางหรือถึงขั้นล้มหายตายจากเรื่องแย่งที่ดินกัน คล้ายๆกับที่ดินของท่านเจ้าคุณกิตติวุฒิโธภิกขุ ก็มีทายาทของท่านมาเอาไปยังไงกันจนกระทั่งติดคุก ติดตะรางกัน แต่ของอาตมา ฝ่ายอาตมาไม่ติด แต่คนที่เอาที่ดินมาขายอาตมาติดคุก 2-3 ปี เพราะฝ่ายโน้นเขาก็ฟ้องร้องอะไรกันไป แต่คนก็ชอบถามอาตมาว่า ทำไมไม่ฟ้องคนขาย

ถ้าคนรู้ความจริงก็ไม่ต้องฟ้องและฟ้องไม่ได้ด้วย ถ้ามีหัวใจสงสารเพื่อนมนุษย์ถูกหลอก ถูกต้ม ถูกลวง ถูกเกลี้ยกล่อมให้เป็นอย่างงั้นๆ ความจริงที่ดินเดิมแก่ครอบครองปรปักษ์มา 19 ปี แต่เทคนิคเขามาแนะนำว่า สงสารพระนะ อย่าให้วัดเดือดร้อน ถ้าไม่ให้วัดเดือดร้อน ยายคนที่ขายให้เปลี่ยนจากคำว่า ครองครอบปรปักษ์ มาเป็นให้เช่า ผลที่สุดก็แน่นอนตูมเลย ตอนแรกเขาบอกว่า ถ้าเซ็นว่า เป็นให้เช่า เขาจะไม่มายุ่งทางวัด

แต่ว่า เซ็นว่า ให้เช่า ตลบหลังเลย เขาบอกว่าที่พูดไว้นั้น ไม่ได้แล้ว เพราะเนื่องจากว่า ทางนี้ยอม ทางวัดก็ต้องยอมด้วย ต้องเสียด้วย วัดก็เลยเข้าเนื้อเปลืองตัว ลูกคนที่ขายให้ก็บ่นแม่ๆไม่น่าไปเซ็นอย่างนั้นเลย ถ้าแม่ไม่เซ็นพระก็ไม่เสีย เขาเองก็ไม่เสีย แต่ว่า โลกใบนี้เทคนิคของทนาย รัชกาลที่ 10 ท่านให้โอวาทจำว่า วันนั้นผู้พิพากษาหญิงหลายคน พระองค์เตือนว่า ระวังนะ พวกเราอย่าใช้ช่องว่าง ช่องโหว่ของกฎหมายทำผิดให้   เป็นถูก ทำถูกให้เป็นผิด

ผลที่สุดมาเมื่อไม่กี่วันนี้ หลังจากทางโน้นพาทนายความมาพูดกับเด็กครอบครัวหนึ่งที่ยังอยู่นอนอยู่ในที่นั้น เพราะทำบ้านพักคนงานไว้ตั้งนานแล้วเป็นเวลา 10 ปี เขาก็ยังอยู่ ปรากฏว่า ก็ถูกเรียกตัวมาแล้วพูดจาใน         ลักษณะว่า ให้ออกซะดีๆ อย่าให้พวกเขาต้องใช้ความรุนแรง บอกทั้งพระพยอมด้วย ทางเขาไม่อยากใช้ความรุนแรง ต่อมาอาจารย์สมบัติ วงศ์กำแหง กับอาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ทนายความชื่อดัง พาคณะกันมาด้วยความรู้สึกสงสารวัด

ท่านอยากจะให้วัดได้รับความเป็นธรรม ก็มาแนะนำอะไรต่างๆนาๆ ถามข้อมูลที่มา ที่ไป ฝ่ายคนที่ค้นข้อมูลต่างๆจากศาล จากอะไรก็ได้รวบรวมเป็นแฟ้มใหญ่ เขาก็ขอไปอ่าน ไปดู และแนะนำว่า วัดอย่าเพิ่งย้ายออก ต้องขอให้เขาได้หมายศาลขับไล่ก่อน บังคับคดีไล่ก่อน ถ้าหมายศาลยังไม่ออกก็ยังไม่ต้องให้คนออก ส่วนเขาจะเล่นทางกฎหมายยังไงก็ เมื่อฝ่ายทางกฎหมายแนะอย่างนี้แล้ว อาตมาเองยังบอกไม่ถูก มึนๆเหมือนกันว่า ไอ้เรื่องรู้กฎหมายใครรู้จริง

เพราะมันมีคนแนะนำกันตลอด ขนาดปลัดกระทรวงยุติธรรมสมัยนั้นตอนเกิดเรื่องใหม่ๆบอกหลวงพ่อไม่ต้องตกใจ ซื้อโปร่งใส จ่ายถูกต้องอะไรอย่างนี้ แต่พอศาลพลิกแล้วก็เงียบกันไปหมด นึกถึงสมัยอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในยุครัฐบาลขิงแก่ก็มาบอกจะช่วย แต่บังเอิญเดินเรื่องจะช่วย รัฐบาลขิงแก่หมดอายุสมัยท่านพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันท่านประธานองค์มนตรี

อาตมาไม่ได้อยากได้ที่ดิน เลยบอกอาจารย์ไพบูลย์ ถ้าท่านเอาที่ดินแปลงนี้คืนมาให้วัดได้ วัดจะไม่เอา จะยกให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯมาทำศูนย์บำบัดให้มนุษย์มั่นคงยังไงได้ก็เอาเถอะ เราไม่อยากได้ที่ดิน แต่อยากได้ความเป็นธรรม ถ้าความไม่เป็นธรรมมันไม่มี มันก็ลำบาก เราก็เชื่อว่า คนทั้งหลายพูดกัน กฎหมายเดี๋ยวนี้กดหัว กฎหมายไม่ให้ความเป็นธรรมแก่บางกรณี บางคน บางพวกก็มี แต่กฎแห่งกรรมเชื่อว่า ยังศักดิ์สิทธิ์ยังจะให้ผลกรรมที่คนกระทำเล่ห์เหลี่ยม พลิกแพลง ล่อหลอกให้มีการเซ็นโอนอะไรกันอย่างชนิดที่พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ

ก็ไม่รู้ล่ะ อาตมาเองไม่ได้เรียนกฎหมายอย่างจัดเจน แตกฉาน อาจจะเป็นประเภทรู้น้อยพลอยรำคาญ แต่รู้มากก็ยากนาน พวกรู้มากยากนาน ลำบากใจกันนานๆล่ะ เพราะว่า สื่อก็ออก คนก็เห็นอก เห็นใจวัด เพราะว่า วัดได้เงินมาซื้อที่ดิน 10 ล้านบาทนี่ หากันแทบเป็นแทบตาย ตอนนั้นอาตมาเที่ยวไปขอหลวงพ่อเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า คนไทยมันเหลื่อมล้ำเรื่องมีที่ดิน คนจนไม่มีสักตะรางวา สักไร่ ครึ่งไร่ คนรวยมีเป็นแสนไร่ จะซื้อให้คนจนได้ปลูกบ้าง ทำมาหากิน ท่านก็เห็นด้วย

อย่างสมเด็จวัดปากน้ำ ท่านก็ให้มา 2 แสนบาท วัดไร่ขิง วัดต่างๆ วัดหลวงแพร วัดหลวงพ่อจรัญ วัดหลวงพ่อเปิ่น หลายวัดให้มารวมแล้วก็ซื้อที่ดินให้คนจนได้มาทั้งหมดตอนนี้ 3,900 ไร่ มามีปัญหาอยู่แปลงไร่เดียวเนี่ย ซึ่งก็ไม่รู้จะลงเอยกันอย่างไร เมื่อมีผู้แนะนำบอกอย่าเพิ่งออก ถ้าไม่มีหมายไล่ บังคับคดีมา ก็ยังไม่ออกก็ไม่ออก แต่ไม่รู้ ถ้าเขาบอกจะดำเนินตามกฎหมายจับพระพยอมติดคุก พวกนี้จะไปช่วยหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่เอาล่ะ เขาก็คงจะช่วยอาตมาสุดซอยมั้ง คงไม่ปล่อยเราทิ้งครึ่งๆกลางๆ

เอาล่ะ เรื่องนี้สาธุชนคนดีทั้งหลาย ต่างฝ่ายต่างก็พูดกันคล้ายๆกัน ที่ดินไร่เดียว ที่ได้ไปฝั่งโน้นเป็นร้อยล้าน ถนนเอาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่จะเอาทางวัดให้ได้ จะได้นาน ได้ช้า กฎหมายจะว่ายังไงก็ขอให้นักกฎหมาย โดยเฉพาะสภาทนายความคงจะมีอะไรดีๆ คงไม่เป็นพวกทนายทะแนะ แต่ว่าน่าจะเต็มใจช่วยเท่าที่ฟังดู ช่วยด้วยความสงสาร วัดก็ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์สมบัติ อาจารย์ปรเมศวร์ที่เดินเรื่องช่วยกัน

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login