คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 30 มิ.ย. 63)
และแล้วข่าวใหญ่ก็ตูมออกมากระแทกใจกลุ่มสีที่เคยเลือกข้างอะไรกันไว้ คือ การที่ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก 5 แกนนำ นปช. คดีบุกบ้านป๋าเปรม 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ได้ส่งตัวนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นพ.เหวง โตจิราการ และนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 เข้าเรือนจำรับโทษ
ถ้าเมืองไทยช่วงนั้นไม่เกิดอะไรกันขึ้น อยู่กันดี อยู่กันปรกติ ทุกคนยังจะใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีภาพ ช่วงเกิดวิกฤตทางจิตใจที่เกลียด ชอบ ชัง มันท่วมหัวใจซะแล้ว ความคิดยับยั้ง หักห้ามก็ไม่เกิด ถ้าช่วงนั้นไม่ไปบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองค์มนตรี คำว่า ต้องติดคุก ต้องรู้ชะตากรรม
อย่างคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) พูดว่า รู้ชะตากรรมกันดีแล้วว่า พวกไม่ตายก็ติดคุก อย่างคุณวีระกานต์ มุกสิกพงศ์ คุณหมอเหวง โตจิราการ คุณวิภูแถลง ที่หนุ่มหน่อยก็คุณณัฐวุฒิ ใสเกื้อ เอาล่ะ ขอให้ติดคุกแต่กาย ใจอย่าไปติด ไปผูกพันให้เป็นทุกข์อยู่ในคุกก็แล้วกัน ถ้าจะอยู่ในโลกนี้ให้มีความสุข ก็ต้องปล่อยวาง อัตตา ตัวตน
หลวงพ่อพุทธทาส เขียนประโยคธรรมให้อยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุขด้วยคำว่า อย่าเที่ยวประยุกต์สิ่งทั้งผองเป็นของฉัน ถ้าอยู่ในคุก ไม่คิดลูกฉัน เมียฉันอยู่ที่บ้านฉัน รถราของฉันใครจะเอาไปยังไง เชื่อว่า ความทุกข์คงมีไม่มาก คนที่อยู่นอกคุก เที่ยวประยุกต์ให้ไอ้โน้น ไอ้นี่เป็นของฉันทุกวี่ทุกวันก็อยู่ไม่เป็นสุขเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่า อยู่ในคุกไม่ปรุงแต่งหรือไม่ประยุกต์สิ่งต่างๆโน้นนี่นั่นเป็นของฉันไปวันๆหนึ่งในคุก
เชื่อว่า ความทุกข์ก็เกิดไม่มาก คนที่อยู่นอกคุก แล้วประยุกต์ไอ้โน้น ไอ้นี่เป็นของฉันทุกวี่วัน ก็เห็นดูคนเนี่ยร้องไห้ลูกตาย ผัวตาย สมบัติมีอันเป็นไปต่างๆนาๆ เป็นลม เป็นแล้งสลบกันไปต่างๆนาๆ เพราะประยุกต์ปรุงแต่งไอ้โน้น ไอ้นี่ ไอ้นั่นเป็นของฉัน เวลาสิ่งที่ตัวเองที่รักชอบประยุกต์เป็นของฉันมันไม่มั่นคง มันไม่ยั่งยืน มันไม่จีรัง มันไม่เที่ยง ก็จะมานั่งทุกข์ นั่งร้อนกัน
เอาล่ะ คนในคุกไม่ผูกคอตาย คนนอกคุกผูกคอตาย อันนี้แย่ แต่ถ้าหากว่า คนในคุกด้วยเป็นคุกด้วย ผูกคอตายด้วย อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เอาล่ะ สรุปว่า เราก็ต้องนึกถึงการคิด การกระทำ มันมีโอกาสผิดพลาด ทั้งๆที่มั่นใจว่า ทำถูก ทำดี แต่ว่า ความดีเขาก็มีพูดกันแปลกๆ ทำดีต้องให้ถูกดี ถึงดี พอดี ถ้าทำดีไม่ถูกดี ไม่ถึงดี ไม่พอดี หรือเกินดี มันจะกลายเป็นดีซ่าน ดีทุกข์ดี เสียดี หาย จากอิสรภาพไป
แต่ก่อนมีอะไรเห็นได้อย่างหนึ่ง มนุษย์เรานี่ เวลาขึ้นเวที เวลารวมกลุ่ม รวมม็อบได้ อำนาจความเหลิง ความเหิมเกริม ความย่ามใจ องอาจ อาจหาญขึ้นเวทีปราศรัยอย่างชนิดที่ไม่เกรงกลัวใคร เราได้ยินคำพูดบุกไปเลย เผาไปเลยอะไรอย่างนี้ มันเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ต้องขับ ต้องไล่กันไป การขับไล่ไม่ได้ไล่กิเลศเนี่ยมันก็ลำบาก
เอาล่ะเป็นอันว่า คนทั้งหลายคงจะได้บทเรียนแล้วล่ะว่า เราติดกันคนละฝ่าย และล้มหายตายจากกันไปก็มีมาก ฝ่ายนี่ก็ตาย ฝ่ายโน้นก็ตาย พวกแกนนำระดับฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ ตัวแม่ ก็ร่อแร่ตายกันไปหลายรายแล้ว ที่ยังอยู่ไม่รู้ว่า จะอยู่กันได้สักกี่วัน สภาพทุกข์ทรมานมันก็มีมารบกวนอยู่บ้าง แต่ขอให้ฉลาดอยู่เถอะ อยู่ให้เป็น อยู่ในคุกก็อยู่ให้เป็น
อาตมาเห็นคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา อยู่ในคุกอ่านข่าวให้นักโทษฟังก็คงจะมีความสุขได้ และไม่ช้าคงจะออกพ้นโทษ พ้นทัณฑ์ รับกรรม รับเวรกันมาพอสมควรแล้ว ก็คนเราเคยรู้จักคุ้นเคยกัน เห็นคนติดคุกที่เราคุ้นเคยกันก็นึกสงสาร สมเพช เวทนาว่า ทำไมอายุมากแล้วต้องมาติดคุก ติดตะราง เพราะการแสวงหาของเรานั้น ถ้าแบ่งเวลามาแสวงหาเครื่องมือดับทุกข์ ความทุกข์คงจะมีไม่มาก
แต่เรามักแสวงหาแรงสนับสนุน ทำยังไง พูดยังไงจะเร้าใจ จูงใจ ให้เกิดแรงสนับสนุนมวลชนมากมายก่ายกอง ห้ามอยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง ก็ตะลุมบอนกันไปอะไรกันไป ดังนั้น อยากจะฝากเรื่องนี้ไว้สำหรับคนที่ดูข่าว รู้ข่าว ต้องแสวงหาเครื่องมือดับทุกข์สลับกับเงินทอง อำนาจตำแหน่ง แรงสนับสนุนทั้งหลาย หาไว้ให้ครบ เวลาพบกับทุกข์จะได้อยู่กับทุกข์ได้อย่างชาญฉลาด
แต่ถ้าเรามัวแต่หาอำนาจ ผลประโยชน์ เงินทอง เพื่อนพ้องน้องพี่ แรงสนับสนุนกลุ่มเรา สีเรา แถบเรา หาแต่ทางนั้นอย่างเดียวมันไม่พอ มันเวลาเกิดทุกข์แล้ว ติดคุก ติดตะราง เราจะไม่มีเครื่องมือดับทุกข์เลย คนติดคุกที่มาเล่าเรื่องไม่ทุกข์เคยมีหลายคน ไม่ว่าจะเป็นพระ เป็นฆราวาส พระก็พระพิมลธรรม ตอนติดคุกท่านเขียนหนังสือ ทำอะไรของท่านสบายๆ
ส่วนฆราวาสมีหลายคน เช่น คุณอุทัย พิมพ์ใจชน หรือใครต่อใคร ติดคุกไม่ทุกข์ กลับมานั่งเขียนหนังสือเอาประสบการณ์อะไรต่างๆ มาบอก มาเล่า แต่บางคนติดคุกบ่นเพ้อรำพันว่า ถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์แล้วเตรียมวางแผนที่จะจัดการกับทุกข์อย่างนั้น อย่างนี้ อย่างนี้ก็ยิ่งเป็นทุกข์อะไรกันใหญ่ ขอให้ทุกฝ่ายทั้งที่เป็นสีเหลือง สีแดง พันธมิตรอะไรต่างๆตอนนี้ก็สงบ ระงับกันไปเยอะแล้ว
ขอวิงวอนว่า ชีวิตมนุษย์อย่าลืม หาวิธีดับทุกข์ ปลอบใจ คลายทุกข์ ยึดคาถาหลวงพ่อพุทธทาสตะเพิดตวาดความทุกข์ว่า กูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์โว้ย ถึงติดคุก ติดตะรางก็ไม่ทุกข์โว้ย อย่างนี้ล่ะ ก็เรียกว่า ได้อะไรมาเป็นเครื่องมือดับทุกข์ เพราะฉะนั้น รู้จักแสวงหา แบ่งเวลาหาเครื่องมือดับทุกข์ไว้บ้าง อย่ามัวแต่หาเงิน หาทอง ข้าวของบริวารมันไม่พอ เพราะชีวิตจริงๆ ถ้าไม่มีเครื่องมือดับทุกข์เลย อยู่อย่างหมดสภาพ ตั้งท่ารับทุกข์ไม่เป็น อันนี้เป็นชีวิตลำเค็ญจริงๆแน่นอน
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login