- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
นศ.ปริญญาเอก คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล วิจัยประเมินผลกระทบจากเชื้อดื้อยา
ปัญหาเชื้อดื้อยาเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลก ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชากรโลก เนื่องจากมีการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เชื้อแบคทีเรียมีการปรับตัว จนทำให้ยาต้านจุลชีพที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถรักษาโรคติดเชื้อที่เคยรักษาได้
ในขณะที่ Covid-19 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดทั่วโลกในปัจจุบันเป็นเรื่องของไวรัส ซึ่งเป็นอีกประเด็นทางการแพทย์ เนื่องจากวิธีการรักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียและไวรัสมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีความเกี่ยวเนื่องกัน คือ ถึงแม้จะมีการติดเชื้อไวรัสระหว่างการรักษา ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ต้องรักษาตามอาการ ซึ่งหากติดเชื้อแบคทีเรียก็ต้องรักษาแบคทีเรีย และถ้าแบคทีเรียที่ติดเชื้อเกิดดื้อยาก็จะเป็นปัญหาในทำนองเดียวกัน
นางสาวตวงรัตน์ โพธะ นักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาบริหารเภสัชกิจ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีอาจารย์ที่ปรึกษาหลัก คือ รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรอาทร ริ้วไพบูลย์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และอาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กำธร มาลาธรรม หน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ Professor Dr. Peter Coyte จาก Institute of Health Policy Management and Evaluation, School of Public Health, University of Toronto ประเทศแคนาดา ได้ทำการวิจัย เรื่อง “การวิเคราะห์ภาระทางระบาดวิทยาและภาระทางเศรษฐศาสตร์ของปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย” ซึ่งเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารอบเสนอผลงานชิงรางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น ประจำปี 2563 ของบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรอาทร ริ้วไพบูลย์ กล่าวแนะนำผลงานวิจัยของ นางสาวตวงรัตน์ โพธะ ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาหลักว่า นักศึกษาได้ทำงานวิจัยวิทยานิพนธ์เพื่อศึกษาผลกระทบของโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลจากกลุ่มเชื้อแบคทีเรียสำคัญที่ดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนาน โดยใช้ข้อมูลปฐมภูมิจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ได้แก่ โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลด้านระบาดวิทยาและผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์ให้กับผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทยต่อไป
หลักสูตรปริญญาเอกสาขาบริหารเภสัชกิจ ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น สาขาเภสัชศาสตร์สังคมเศรษฐศาสตร์ และการบริหาร หลักสูตรนานาชาติ ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 มีนโยบายให้นักศึกษาเลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์จากปัญหาหรือโจทย์วิจัยของหน่วยงาน หรือประเทศของนักศึกษาเอง เนื่องจาก มหาวิทยาลัยมหิดล โดย คณะเภสัชศาสตร์ มีบทบาทสำคัญในการสร้างคนให้เป็น “ปัญญาของแผ่นดิน” เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่แก่สังคมไทยและสังคมโลก ให้นักศึกษาได้สำเร็จการศึกษาออกไปเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและคุณธรรม ใช้ความรู้ที่ได้รับไป สร้างประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ
ด้าน นางสาวตวงรัตน์ โพธะ ได้กล่าวถึงผลงานวิจัยของตนว่า เป็นการศึกษาที่ศึกษาทั้งผลกระทบด้านระบาดวิทยา และผลกระทบด้านเศรษฐศาสตร์จากโรคติดเชื้อดื้อยา ที่เก็บข้อมูลปฐมภูมิ แล้วสร้างแบบจำลอง เป็นข้อมูลระดับประเทศ เพื่อใช้ในการวางแผนยุทธศาสตร์ชาติ ได้มีการเก็บข้อมูลปฐมภูมิจากโรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเลือกผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรีย 5 ชนิดที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล ได้แก่ A. baumannii, E. coli, K. pneumoniae, P. aeruginosa และ S. aureus และติดเชื้อที่ 3 อวัยวะสำคัญ ได้แก่ กระแสเลือด ทางเดินปัสสาวะ และทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยเก็บข้อมูลลักษณะผู้ป่วย ข้อมูลทางคลินิก การดูแลรักษา และต้นทุนจากฐานข้อมูลโรงพยาบาล และสัมภาษณ์ผู้ป่วยหรือญาติเพื่อเก็บข้อมูลต้นทุนที่เกิดกับผู้ป่วยและครอบครัว ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติมที่อาจใช้บริการในสถานพยาบาลอื่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าจ้างผู้ดูแล และต้นทุนการเสียเวลาของผู้ป่วยและญาติผู้ดูแลผู้ป่วย
จากนั้น ได้นำข้อมูลเหล่านี้ มาวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ พบว่า ในปี 2555 ประเทศไทย มีผู้ป่วยติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ 111,295 คน เสียชีวิต 48,258 คน และต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลนานขึ้น 123,000 วัน แต่หากสามารถป้องกันผู้ป่วยจำนวนนี้จากการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพได้ จะสามารถลดภาระต้นทุนค่ารักษาพยาบาลลงได้ประมาณ 72,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นค่ายาต้านจุลชีพ 8,300 ล้านบาท เมื่อรวมต้นทุนที่เกิดกับผู้ป่วยและญาติ เป็นต้นทุนรวมของสังคมประมาณ 134,500 ล้านบาท
ข้อมูลเหล่านี้ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็นผลกระทบขนาดใหญ่ของปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพ ซึ่งจะใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบของประเทศ
นางสาวตวงรัตน์ โพธะ จะเสนอผลงานในกลุ่มที่ 3 วิทยาศาสตร์สุขภาพและวิทยาศาสตร์สุขภาพประยุกต์ ระดับปริญญาเอก ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 เวลา 13.30 – 15.00 น. ผ่าน Zoom ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียด และลงทะเบียนเพื่อเข้าฟังแบบออนไลน์ได้ที่ https://www.facebook.com/grad.mahidol สอบถาม email : veerachat.pan@mahidol.ac.th
สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210
You must be logged in to post a comment Login