วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

การเดินทางของวิญญาณ ตอนที่ 2

On July 17, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 17-24 ก.ค. 2563)

เมื่อวิญญาณเข้ามาในตัวอ่อนทารก ความเป็นตัวตนของมนุษย์ที่ประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณจึงเกิดขึ้น ในระหว่างที่อยู่ในครรภ์ของแม่ ทารกไม่ต้องทำอะไรเลย สารอาหารที่ได้รับเพื่อการเจริญเติบโตก็มาจากอาหารที่แม่กินเข้าไป แต่ถึงกระนั้น แม่ก็มิได้เป็นคนแยกสารอาหารที่จำเป็นให้ทารก ทุกอย่างพระเจ้าเป็นผู้จัดการให้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์

คัมภีร์กุรอานได้กล่าวว่า ทารกอยู่ในครรภ์โดยได้รับการปกป้องจากผนังความมืด 3 ชั้น (ซึ่งแพทย์สมัยใหม่พบว่ามันคือถุงเยื่อที่อุ้มน้ำคร่ำ ผนังมดลูก และผนังหน้าท้องของแม่) นี่คือความเมตตาที่มนุษย์ได้รับจากพระเจ้า ครรภ์แม่และความเมตตาของพระเจ้าในภาษาอาหรับจึงมาจากรากศัพท์ที่ประกอบด้วยตัวอักษร 3 ตัวที่เหมือนกัน

โลกแห่งครรภ์มารดาเป็นโลกที่มีระยะเวลาจำกัดโดยเฉลี่ยประมาณ 9 เดือน เมื่อครบกำหนดทารกจะคลอดออกมาจากครรภ์แม่สู่โลกนี้ซึ่งเป็นโลกชั่วคราว (ในภาษาอาหรับเรียกว่า “ดุนยา”) แต่ความชั่วคราวของแต่ละชีวิตมีความสั้นยาวไม่เท่ากัน ในขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ วิญญาณจะใช้อวัยวะของมนุษย์เป็นพาหนะโลดแล่นและเป็นเครื่องมือของมันในการทำสิ่งต่างๆ

แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างไปจากสัตว์ เพราะมนุษย์มีสติปัญญาและมีเจตนารมณ์เสรี พระเจ้าจึงบอกมนุษย์ให้รู้ชัดว่าวัตถุประสงค์ที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์มาก็เพื่อทดสอบว่ามนุษย์จะศรัทธาและกตัญญูรู้คุณต่อพระองค์หรือไม่ ทั้งนี้เพราะเมื่ออยู่ในครรภ์ที่เป็นโลกแคบๆ มนุษย์ได้รับการเลี้ยงดูจากพระเจ้า และเมื่อคลอดออกมายังโลกนี้ มนุษย์ยังได้รับปัจจัยต่างๆมากมายจนถ้าหากเขามีสมองที่คิดได้ในตอนเป็นทารกและรู้ว่าโลกนอกครรภ์แม่มีอะไรดีๆอีกมากมายกว่าในท้องแม่ เขาคงกระวนกระวายอยากจะออกมาดูโลกก่อนถึงเวลาคลอดเป็นแน่

พระเจ้าจะทดสอบความศรัทธาของมนุษย์โดยดูว่าเขาจะเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดหรือไม่ ส่วนความกตัญญูจะถูกทดสอบโดยดูว่าเขาจะเชื่อฟังพระเจ้าด้วยการแสดงความเคารพสักการะพระองค์และปฏิบัติตามในสิ่งที่พระองค์ใช้และงดเว้นในสิ่งที่พระองค์ห้ามหรือไม่

การทดสอบนี้แตกต่างจากการทดสอบในห้องเรียน เพราะการทดสอบนี้มีคำเฉลยให้แล้ว สิ่งใดผิดและสิ่งใดถูกได้ถูกเฉลยไว้อย่างชัดเจน ใครทำตามที่เฉลยคนนั้นก็สอบผ่าน ใครที่ทำเป็นอย่างอื่นก็สอบตก

big

เมื่อคลอดออกมาจากท้องแม่ มนุษย์แต่ละคนไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเวลาหรือมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นานเท่าใด ดังนั้น เมื่อมาอยู่บนโลกใบนี้แล้ว มนุษย์ไม่ควรเสียเวลาไปกับการต้องรู้ว่าวิญญาณคืออะไร แต่สิ่งที่มนุษย์ต้องสนใจคือการหาความรู้ถึงวิธีการควบคุมวิญญาณของตัวเองให้เป็นนายที่ดี เพื่อที่นายจะได้ไม่บงการอวัยวะของตัวเองให้ทำความชั่ว

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้ศาสนาควบคู่ไปกับวิทยาศาสตร์เพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิตที่มีทั้งสองด้านให้ได้รับความสมดุลเพื่อความสมบูรณ์ของชีวิต

การปฏิบัติพิธีกรรมบางอย่างทางศาสนา เช่น การกล่าวคำระลึกถึงพระเจ้า การละหมาด การสวดมนต์ขอพร การอธิษฐาน การทำบุญทำทาน การถือศีลอด การไปแสวงบุญ เหล่านี้ล้วนเป็นการฝึกควบคุมวิญญาณของตนให้เป็นนายที่ดีและเป็นนายที่เข้มแข็ง

ถ้าโลกในครรภ์เป็นโลกชั่วคราวที่วิญญาณเดินทางมาพักเป็นเวลาสั้นๆแค่ 9 เดือน โลกนี้ก็เป็นแหล่งที่วิญญาณเดินทางผ่านมาแค่ชั่วคราวเพื่อรอวันแห่งการจากไป ความตายจึงเป็นการคลอดของวิญญาณจากครรภ์แห่งโลกนี้ไปสู่โลกหลังความตายที่กาลเวลาของมันไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่ามีความยาวนานเท่าใด วิญญาณที่ออกจากร่างมนุษย์ในโลกนี้จะไปรอกันอยู่ในโลกแห่งสุสานเพื่อรอวันสิ้นโลก ซึ่งเป็นวันที่วิญญาณทุกดวงจะได้พบกับผู้ที่ส่งมันมา

โลกหลังความตายเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้และไม่มีใครบอก เพราะไม่มีมนุษย์คนใดเคยไป และถ้าหากใครไปมาแล้วก็ไม่สามารถกลับมาบอกได้นอกจากพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตและเจ้าของกาลเวลา


You must be logged in to post a comment Login