- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 9 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
การเดินทางของวิญญาณ ตอนที่ 2
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 17-24 ก.ค. 2563)
เมื่อวิญญาณเข้ามาในตัวอ่อนทารก ความเป็นตัวตนของมนุษย์ที่ประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณจึงเกิดขึ้น ในระหว่างที่อยู่ในครรภ์ของแม่ ทารกไม่ต้องทำอะไรเลย สารอาหารที่ได้รับเพื่อการเจริญเติบโตก็มาจากอาหารที่แม่กินเข้าไป แต่ถึงกระนั้น แม่ก็มิได้เป็นคนแยกสารอาหารที่จำเป็นให้ทารก ทุกอย่างพระเจ้าเป็นผู้จัดการให้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในครรภ์
คัมภีร์กุรอานได้กล่าวว่า ทารกอยู่ในครรภ์โดยได้รับการปกป้องจากผนังความมืด 3 ชั้น (ซึ่งแพทย์สมัยใหม่พบว่ามันคือถุงเยื่อที่อุ้มน้ำคร่ำ ผนังมดลูก และผนังหน้าท้องของแม่) นี่คือความเมตตาที่มนุษย์ได้รับจากพระเจ้า ครรภ์แม่และความเมตตาของพระเจ้าในภาษาอาหรับจึงมาจากรากศัพท์ที่ประกอบด้วยตัวอักษร 3 ตัวที่เหมือนกัน
โลกแห่งครรภ์มารดาเป็นโลกที่มีระยะเวลาจำกัดโดยเฉลี่ยประมาณ 9 เดือน เมื่อครบกำหนดทารกจะคลอดออกมาจากครรภ์แม่สู่โลกนี้ซึ่งเป็นโลกชั่วคราว (ในภาษาอาหรับเรียกว่า “ดุนยา”) แต่ความชั่วคราวของแต่ละชีวิตมีความสั้นยาวไม่เท่ากัน ในขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ วิญญาณจะใช้อวัยวะของมนุษย์เป็นพาหนะโลดแล่นและเป็นเครื่องมือของมันในการทำสิ่งต่างๆ
แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างไปจากสัตว์ เพราะมนุษย์มีสติปัญญาและมีเจตนารมณ์เสรี พระเจ้าจึงบอกมนุษย์ให้รู้ชัดว่าวัตถุประสงค์ที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์มาก็เพื่อทดสอบว่ามนุษย์จะศรัทธาและกตัญญูรู้คุณต่อพระองค์หรือไม่ ทั้งนี้เพราะเมื่ออยู่ในครรภ์ที่เป็นโลกแคบๆ มนุษย์ได้รับการเลี้ยงดูจากพระเจ้า และเมื่อคลอดออกมายังโลกนี้ มนุษย์ยังได้รับปัจจัยต่างๆมากมายจนถ้าหากเขามีสมองที่คิดได้ในตอนเป็นทารกและรู้ว่าโลกนอกครรภ์แม่มีอะไรดีๆอีกมากมายกว่าในท้องแม่ เขาคงกระวนกระวายอยากจะออกมาดูโลกก่อนถึงเวลาคลอดเป็นแน่
พระเจ้าจะทดสอบความศรัทธาของมนุษย์โดยดูว่าเขาจะเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดหรือไม่ ส่วนความกตัญญูจะถูกทดสอบโดยดูว่าเขาจะเชื่อฟังพระเจ้าด้วยการแสดงความเคารพสักการะพระองค์และปฏิบัติตามในสิ่งที่พระองค์ใช้และงดเว้นในสิ่งที่พระองค์ห้ามหรือไม่
การทดสอบนี้แตกต่างจากการทดสอบในห้องเรียน เพราะการทดสอบนี้มีคำเฉลยให้แล้ว สิ่งใดผิดและสิ่งใดถูกได้ถูกเฉลยไว้อย่างชัดเจน ใครทำตามที่เฉลยคนนั้นก็สอบผ่าน ใครที่ทำเป็นอย่างอื่นก็สอบตก
เมื่อคลอดออกมาจากท้องแม่ มนุษย์แต่ละคนไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเวลาหรือมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นานเท่าใด ดังนั้น เมื่อมาอยู่บนโลกใบนี้แล้ว มนุษย์ไม่ควรเสียเวลาไปกับการต้องรู้ว่าวิญญาณคืออะไร แต่สิ่งที่มนุษย์ต้องสนใจคือการหาความรู้ถึงวิธีการควบคุมวิญญาณของตัวเองให้เป็นนายที่ดี เพื่อที่นายจะได้ไม่บงการอวัยวะของตัวเองให้ทำความชั่ว
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้ศาสนาควบคู่ไปกับวิทยาศาสตร์เพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิตที่มีทั้งสองด้านให้ได้รับความสมดุลเพื่อความสมบูรณ์ของชีวิต
การปฏิบัติพิธีกรรมบางอย่างทางศาสนา เช่น การกล่าวคำระลึกถึงพระเจ้า การละหมาด การสวดมนต์ขอพร การอธิษฐาน การทำบุญทำทาน การถือศีลอด การไปแสวงบุญ เหล่านี้ล้วนเป็นการฝึกควบคุมวิญญาณของตนให้เป็นนายที่ดีและเป็นนายที่เข้มแข็ง
ถ้าโลกในครรภ์เป็นโลกชั่วคราวที่วิญญาณเดินทางมาพักเป็นเวลาสั้นๆแค่ 9 เดือน โลกนี้ก็เป็นแหล่งที่วิญญาณเดินทางผ่านมาแค่ชั่วคราวเพื่อรอวันแห่งการจากไป ความตายจึงเป็นการคลอดของวิญญาณจากครรภ์แห่งโลกนี้ไปสู่โลกหลังความตายที่กาลเวลาของมันไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่ามีความยาวนานเท่าใด วิญญาณที่ออกจากร่างมนุษย์ในโลกนี้จะไปรอกันอยู่ในโลกแห่งสุสานเพื่อรอวันสิ้นโลก ซึ่งเป็นวันที่วิญญาณทุกดวงจะได้พบกับผู้ที่ส่งมันมา
โลกหลังความตายเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้และไม่มีใครบอก เพราะไม่มีมนุษย์คนใดเคยไป และถ้าหากใครไปมาแล้วก็ไม่สามารถกลับมาบอกได้นอกจากพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตและเจ้าของกาลเวลา
You must be logged in to post a comment Login