- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ถอดบทเรียนการศึกษานิวซีแลนด์ “Studying & Living Like a Kiwi”
นิวซีแลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับว่ามีระบบการศึกษามาตรฐานติดอันดับต้นๆของโลก และล่าสุดนิวซีแลนด์ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 3 ของประเทศที่เตรียมความพร้อมนักเรียนสู่อนาคตที่ดีที่สุดในโลก และได้รับการจัดอันดับเป็น 1 จากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จากกรจัดอันดับของ Worldwide Educating for the Future Index 2019 โดย The Economist Intelligence Unit
ด้วยระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สภาพแวดล้อมที่ดีมีความปลอดภัยต่อนักศึกษาต่างชาติ ค่าครองชีพต่ำกว่าประเทศอื่น และเป็นประเทศแรกที่มีกฎหมายคุ้มครองสำหรับนักเรียนต่างชาติ ทำให้นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายปลายทางด้านการศึกษานานาชาติชั้นนำของโลกโดยในแต่ละปีมีนักเรียนนานาชาติกว่า 125,000 คน จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในนิวซีแลนด์มากกว่า 3,600 คน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับ 7 ของประเทศที่มีนักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนต่อนิวซีแลนด์และเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบกับทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand: ENZ) สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลนิวซีแลนด์ จัดแถลงข่าว “ถอดบทเรียนการศึกษานิวซีแลนด์กับมาตรการดูแลนักศึกษาต่างชาติ” พร้อมประกาศผลประกวดหนังสั้น “Living Like a Kiwi” ซึ่งเป็นผลงานของน้องๆนักเรียนไทยโครงการแลกเปลี่ยนประเทศนิวซีแลนด์ในช่วงล็อคดาวน์ และร่วมพูดคุยกับน้องๆ และคุณทศธรรม เปี่ยมสมบูรณ์ ศิษย์เก่านิวซีแลนด์ผู้ได้รับรางวัล (New Zealand Alumni Hall of Fame 2019) ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ “Studying & Living Like a Kiwi” ณ ศูนย์การเรียนรู้ไทย-นิวซีแลนด์ (TNZC) เมื่อเร็วๆนี้
นางสาวช่อทิพย์ ประมูลผล ผู้จัดการตลาด หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า นอกจากนิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกของโลกที่มีกฎหมายในการดูแลสวัสดิภาพของนักเรียนต่างชาติแล้ว รัฐบาลและภาคการศึกษาของนิวซีแลนด์ยังมีมาตรการที่ชัดเจน ในการช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติในช่วงล็อคดาวน์จากการแพร่ระบาดของโรคควิด-19 ทั้งด้านการเรียน การเงิน มีการตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติ การชดเชยรายได้กรณีว่างงานจากการทำงานพาร์ทไทม์ โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติ เพื่อเสนอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยเงิน 1 ล้านเหรียญดอลลาร์นิวซีแลนด์ โดยการสนับสนุนเงินช่วยเหลือแก่สถาบันการศึกษาที่รับนักเรียนต่างชาติ นักเรียนสามารถยื่นใบสมัครขอรับเงินช่วยเหลือได้จากทางสถาบันคนละ 1 พันเหรียญดอลลาร์นิวซีแลนด์
“รัฐบาลนิวซีแลนด์แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า นักเรียนต่างชาติคือส่วนหนึ่งของเราและพร้อมให้การรักษากรณีป่วยด้วยโรค COVID-19 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายทุกราย รวมทั้งตัวสถาบันการศึกษาเอง ก็คอยดูแลสนับสนุนนักเรียนต่างชาติอย่างใกล้ชิด ด้วยการจัดการเรียนออนไลน์ คอยโทรติดตามเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนต่างชาติทุกคนจะปลอดภัย และได้รับการสนับสนุนอย่างดี บางสถาบันก็มีการประสานจัดการส่งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของโรงเรียนให้กับนักเรียนทุกคนที่ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวของตนเอง มีการจัดตั้งทีมงานฝ่ายต่างประเทศ รวมทั้งประสานงานกับเอเจ้นท์ที่ปรึกษาและครอบครัวโฮสแฟมิลี่อย่างใกล้ชิด เพื่อการดูแลนักเรียนต่างชาติทั้งด้านการเรียนการเงิน และจิตใจ” นางสาวช่อทิพย์ กล่าวและเสริมว่า
การประกวดหนังสั้น “Living Like a Kiwi” เป็นหนึ่งในกิจกรรมของน้องๆนักเรียนไทยในโครงการแลกเปลี่ยนประเทศนิวซีแลนด์ในช่วงล็อคดาวน์ ซึ่งตัวแทนที่แนะแนวการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์ปรึกษาได้จัดขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตและกิจกรรมระหว่างวันในช่วงล็อคดาวน์
ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ น้องเอน่า-ปภาดา สุขรังสรรค์ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เจ้าของผลงาน My Life In New Zealand บอกว่า “ตอนแรกหนูกลัวมากๆ เกี่ยวกับการอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศ แต่พอได้ลองเปิดใจทำให้ได้เรียนรู้หลายอย่าง การเรียนที่นิวซีแลนด์ก็เป็นอย่างหนึ่งค่ะ ทำให้หนูได้ลองฝึกทำความเข้าใจกับเพื่อนคนต่างชาติ ได้ฝึกทั้งภาษาและได้รู้การดำรงชีวิตตอนอยู่ที่โรงเรียนของเพื่อนๆ ได้ศึกษาหลายๆอย่าง ซึ่งแตกต่างกับการศึกษาที่ไทยพอสมควร และการดำรงชีวิตของคนนิวซีแลนด์ก็มีคล้ายและแตกต่างจากไทยบางส่วน หนูคิดว่ามันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ คือหนูอยู่ฟาร์มทุกเช้าและเย็น Host ก็จะไปให้อาหาร และนมให้ลูกวัว บางครั้งหนูก็ได้ไปช่วยด้วยค่ะเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่งเลยค่ะ ส่วนช่วงล็อคดาวน์ก็ต้องมีเบื่อๆบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อทุกวันนะคะ คือบางวันก็จะมีกิจกรรมกับ host family เช่น การทำขนมและอาหารต่างๆกับพี่ๆ มีการเล่น board game มากมายทำให้หนูได้ลองเล่นเกมที่ไม่เคยเล่นมาก่อน สนุกมากๆค่ะ แล้วได้ลองฝึกขับรถด้วยแรกๆก็ยากแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยค่ะ แล้วก็มีการยิงปืนด้วยนะคะ และที่สำคัญที่สุดคือทำให้หนูมีเวลากับ host family เพิ่มมากขึ้นค่ะ ทำให้ช่วงล็อคดาวน์ของหนูสนุกมากๆ เลยค่ะ”
น้องแพร-ณัฐกานต์ พรสวรรค์วงษ์ โรงเรียนสตรีวิทยา รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 กับผลงาน Kiwi in Isolation บอกว่า “นิวซีเเลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่เหมาะกับการเลือกไปเรียนต่อสำหรับทุกคน เป็นประเทศที่บรรยากาศดี ผู้คนก็เป็นกันเอง ส่วนการติดในช่วงล็อคดาวน์ตอนเเรกๆ ก็รู้สึกกังวลนิดนึง เเต่ host family ก็หากิจกรรมมาให้ทำตลอด เช่น ทำขนม (บ่อยมาก) เเล้วก็มีช่วง Easter Hunt ไปหาไข่ Easter โฮสทำคำใบ้ให้เยอะมากๆ”
น้องเฟิร์ม-เศรษฐพล ผลิศักดิ์ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เจ้าของผลงาน Living Like KIWI X MOU New Zealand บอกว่า “การที่ติดอยู่ในช่วงล็อคดาวน์ ผมก็ไม่ได้กังวลอะไร เนื่องจากเราได้ใช้เทคโนโลยีในการเรียนออนไลน์พวกพี่ๆวิดีโอคอลมาเป็นประจำ ซึ่งการล็อคดาวน์ก็ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่บ้านตลอดเวลา ผมได้เดินเที่ยวบริเวณเมือง และสวนสาธารณะผมจึงไม่เครียดในช่วงล็อคดาวน์”
คุณทศธรรม เปี่ยมสมบูรณ์ เล่าว่า ผมได้ไปอยู่ประเทศนิวซีแลนด์ตอนอายุ 7 ขวบ อยู่และเรียนที่นิวซีแลนด์ 15 ปี ผมรู้เลยว่าประเทศนิวซีแลนด์คือที่ที่ดีที่สุดในการหาความรู้ เรียนหนังสือ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ การเรียนและการใช้ชีวิตที่นิวซีแลนด์ได้สอนให้เรา รู้จักการใช้ชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ในทฤษฎี แต่มันคือการได้เรียนรู้การใช้ชีวิตจริงๆ ได้ความรู้ ได้แนวคิด สอนปฏิบัติ แก้ปัญหา ทำให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ และทราบว่าตัวเองชอบอะไร ทำอะไรได้ดี นำไปสู่อาชีพในอนาคตได้
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษานิวซีแลนด์ ดูได้ที่ www.studyinnewzealand.govt.nz
You must be logged in to post a comment Login