วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ชุมทิศอิสลาม

On September 4, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 4-11 ก.ย. 2563)

มนุษย์ทุกคนล้วนมีจุดหมายในชีวิต และจุดหมายจะเป็นตัวทำให้มนุษย์ใช้ศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ขับเคลื่อนชีวิตไปสู่จุดหมายนั้น เด็กที่มีจุดหมายจะเข้ามหาวิทยาลัยจะขยันเรียนเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่มหาวิทยาลัย ทำให้พ่อแม่ทำงานส่งเสียอย่างสุดกำลังเพื่อส่งลูกของตัวให้ถึงจุดหมายด้วย

แต่เมื่อเรียนจบแล้ว ในทางสังคมและในชีวิตจริงมหาวิทยาลัยยังมิใช่จุดหมายสุดท้ายของชีวิต มนุษย์ยังมีจุดหมายอื่นๆที่หลายคนอยากจะไปให้ถึงอีก

วิญญาณก็มีจุดหมายปลายทางเช่นกัน และจุดหมายนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้วิญญาณดิ้นรนต่อสู้เพื่อบรรลุจุดหมายของตน จุดหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ ถ้าใครมีสวรรค์เป็นจุดหมายของชีวิตในภพหน้า คนผู้นั้นจะปฏิบัติตัวต่างไปจากคนที่ไม่ต้องการสวรรค์เป็นจุดหมายปลายทาง

แต่สวรรค์ไม่ได้อยู่บนโลกนี้ให้มนุษย์เห็น ดังนั้น ศาสนาจึงบอกทิศทางให้และมีสัญลักษณ์ไว้ให้มนุษย์หันหน้าไปทางทิศนั้น

อิสลามมีคำสอนว่า “แท้จริง เราเป็นของพระเจ้าและเราต้องกลับไปสู่พระองค์” ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงได้สั่งให้อับราฮัม (หรือนบีอิบรอฮีม) สร้าง “ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ” ขึ้นที่เมืองมักก๊ะฮฺเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์ และเป็นสัญลักษณ์ให้ทุกคนหันมาทางนี้ถ้าต้องการกลับไปหาพระองค์

หลังจากสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺแล้ว อับราฮัมได้เดินทางกลับไปยังปาเลสไตน์และได้สร้างสถานที่เคารพสักการะพระเจ้าขึ้นอีกแห่งหนึ่งหลังจากสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺได้ 40 ปี สถานที่แห่งนี้คัมภีร์กุรอานเรียกว่า “มัสยิดอัลอักซอ” ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ต่อมามัสยิดแห่งนี้ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และโซโลมอนผู้เป็นลูกหลานของอับราฮัมได้มาฟื้นฟูบูรณะเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของลูกหลานอิสราเอล ศาสนสถานแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า “วิหารแห่งโซโลมอน”

qiblat

ในตอนสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺ อับราฮัมไม่ได้สร้างคนเดียว เขามี “อิสมาอีล” ลูกชายคนแรกที่เกิดจากนางฮาการ์ภรรยาคนที่สองและกำลังอยู่ในวัยรุ่นคอยช่วยเหลือ เมื่อสร้างเสร็จแล้วอับราฮัมได้วิงวอนขอต่อพระเจ้า 3 ประการ คือ 1) ขอให้เมืองมักก๊ะฮฺเป็นเมืองที่ปลอดภัย 2) ขอให้พระองค์ประทานผลไม้แก่ชาวเมืองมักก๊ะฮฺเพื่อที่ชาวเมืองจะได้กตัญญูต่อพระองค์ และ 3) ขอให้ลูกหลานของเขาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติ

พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของอับราฮัมทั้ง 3 ข้อ ลูกหลานของอับราฮัมได้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวยิวและชาวคริสเตียน

เนื่องจากวิหารแห่งโซโลมอนในเมืองเยรูซาเล็มเป็นจุดศูนย์กลางทางจิตวิญญาณ พวกลูกหลานอิสราเอลจึงมาชุมนุมกันทำพิธีกรรมทางศาสนาและอธิษฐานต่อพระเจ้าในสถานที่แห่งนี้ และไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เมื่อถึงเวลาอธิษฐานพวกลูกหลานอิสราเอลจะหันหน้าไปทางวิหารแห่งโซโลมอน

ค.ศ.70 วิหารแห่งโซโลมอนถูกกองทัพโรมันทำลายไปพร้อมกับเมืองเยรูซาเล็ม พวกลูกหลานอิสราเอลต้องแยกย้ายกระจายกันไปอยู่ในที่ต่างๆ ส่วนหนึ่งมาอาศัยอยู่ในเมืองยัษริบหรือมะดีนะฮฺในคาบสมุทรอาหรับ เมื่อถึงเวลาสวดมนต์ ชุมทิศที่พวกลูกหลานอิสราเอลหรือชาวยิวจะหันหน้าไปก็คือวิหารแห่งโซโลมอน

เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังเมืองยัษริบ ท่านได้สั่งให้มุสลิมปฏิบัติละหมาดโดยหันหน้าไปทางวิหารโซโลมอนตามพวกลูกหลานอิสราเอลที่มีบรรพบุรุษเป็นศาสนทูตของพระเจ้า แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดบอกพวกลูกหลานอิสราเอลว่าท่านเป็นนบีที่ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ของพวกเขา และศาสนาที่ท่านนำมาสั่งสอนนั้นเป็นศาสนาของอับราฮัมและบรรพบุรุษของพวกอิสราเอล แต่พวกอิสราเอลปฏิเสธเพราะถือว่าเผ่าพันธุ์ของตัวเองเหนือกว่าชาวอาหรับ ไม่เพียงเท่านั้นพวกอิสราเอลยังต่อต้านท่านด้วย

ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงสั่งนบีมุฮัมมัดให้หันหน้าไปทางก๊ะอฺบ๊ะฮฺในมักก๊ะฮฺในเวลาละหมาดแทนการหันไปทางวิหารโซโลมอนในเยรูซาเล็ม และให้ถือว่าก๊ะอฺบ๊ะฮเป็นชุมทิศ (กิบลัต) ของมุสลิมในเวลาละหมาดนับตั้งแต่นั้นจนถึงวันสิ้นโลก


You must be logged in to post a comment Login