- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ไส้เลื่อนในเด็ก
คอลัมน์ : พบหมอศิริราช
ผู้เขียน : ผศ.นพ.มนวัฒน์ เงินฉ่ำ
ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรคไส้เลื่อนสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่สร้างความกังวลให้กับคุณพ่อคุณแม่ก็คือ ถ้าเป็นลูกเล็กที่ไม่สามารถบอกอาการได้ คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าลูกเป็น และต้องสังเกตอาการอย่างไรบ้าง คุณหมอจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคนี้
โรคไส้เลื่อนในเด็กเกิดขึ้นได้อย่างไร
ไส้เลื่อนเป็นภาวะที่อวัยวะภายในช่องท้องเลื่อนผ่านช่องทางที่อยู่บริเวณผนังหน้าท้องออกมาสู่ภายนอก ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่บริเวณขาหนีบ ในความเป็นจริงสิ่งที่เลื่อนออกมาอาจเป็นอวัยวะส่วนอื่นภายในช่องท้องก็ได้ เพียงแต่ลำไส้เป็นสิ่งที่พบบ่อยที่สุดที่เลื่อนออกมา ช่องทางที่ไส้เลื่อนออกมานี้เป็นช่องทางที่โดยปกติมีอยู่แล้วในทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา ในเด็กส่วนใหญ่ช่องทางนี้มักปิดไปเมื่อใกล้คลอด แต่ในรายที่ช่องทางนี้ยังคงเปิดอยู่ก็อาจจะมีลำไส้เลื่อนผ่านช่องทางนี้ออกมาสู่ภายนอกได้ เด็กที่คลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงที่จะพบภาวะนี้มากกว่าเด็กปกติ
คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตอาการได้อย่างไร
คุณพ่อคุณแม่อาจจะพบว่ามีก้อนบริเวณขาหนีบข้างๆหัวหน่าว ในเด็กผู้ชายอาจจะโตลงมาถึงในถุงอัณฑะ ในรายที่มีการเลื่อนเข้าๆออกๆโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เด็กอาจจะไม่รู้สึกว่ารำคาญหรือร้องกวนแต่อย่างใด แต่ในบางรายที่ลำไส้ออกมาติดค้างอยู่ภายนอกอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลำไส้อุดตัน ลำไส้ขาดเลือด ซึ่งอาการในขณะที่มีปัญหาเรื่องลำไส้อุดตันก็คือ เด็กมักจะร้องกวน รับประทานอาหารไม่ได้ มีอาการอาเจียน ท้องอืด เป็นต้น
เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคไส้เลื่อนควรทำอย่างไร
โรคไส้เลื่อนไม่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยา วิธีการเดียวที่รักษาได้ผลคือ การผ่าตัดเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะกังวลเรื่องลูกจะต้องผ่าตัด ในความเป็นจริงในปัจจุบันหากเราเตรียมการให้พร้อม การผ่าตัดในเด็กสามารถทำได้ด้วยความปลอดภัย มีผลการรักษาดี เด็กสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีโอกาสเกิดเป็นซ้ำได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ในขณะที่การผ่าตัดในรายที่มีลำไส้เลื่อนออกมาติดค้างหรือมีลำไส้อุดตันจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นทั้งจากการผ่าตัดหรือการดมยาสลบในภาวะเร่งด่วน
เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตและสงสัยถึงความผิดปกติของลูกจากลักษณะอาการที่กล่าวมาแล้ว ควรรีบพามาพบแพทย์เพื่อรักษาโดยทันที สุขภาพดีป้องกันได้ เริ่มที่ตัวเรา
You must be logged in to post a comment Login