- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เสียงเพรียกจากฝรั่งที่มีบ้านในประเทศไทย
คอลัมน์ โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน ดร.โสภณ พรโชคชัย
โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 16-23 ต.ค. 2563
ที่ผ่านมาผมต่อต้านการขายอสังหาริมทรัพย์ให้คนต่างชาติเพราะเรามีเงื่อนไขที่เสียเปรียบต่างๆนานา แต่ในขณะเดียวกันฝรั่งที่อยู่ในไทยก็ควรได้รับการดูแลให้ดีเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางหนึ่ง
ที่ผมบอกว่าเราควรต่อต้านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติเพราะเราเสียเปรียบหลายอย่าง สิ่งที่เราควรทำก่อนให้ต่างชาติซื้อบ้านก็คือ
1.เราควรกำหนดราคาขั้นต่ำ ไม่ใช่ให้ซื้อในราคาถูกๆ เพราะจะทำให้ราคาบ้านขยับตัว ทำให้ประชาชนคนไทยหมดกำลังซื้อไป มาตรการข้อนี้ในมาเลเซียและอินโดนีเซียใช้กันอย่างชัดเจน เช่น กำหนดราคาบ้านที่จะซื้อไม่ต่ำกว่า 8-16 ล้านบาท
2.เราควรเก็บภาษีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ อย่างสิงคโปร์กำหนดไว้ที่ 20-25% ฮ่องกงกำหนดไว้ที่ 30% ของไทยเราอาจกำหนดไว้ที่ 15-20% ก็ได้ เพื่อให้มีเงินภาษีเข้าประเทศ พวกเขาไม่เคยทำคุณต่อชาติไทย แต่มาซื้อทรัพย์สินก็ควรที่จะเสียภาษีบ้าง ในทำนองเดียวกัน เราส่งลูกไปเรียนหนังสือในประเทศตะวันตก ค่าเทอมก็มักแพงกว่าเด็กท้องถิ่น เพราะเราไม่เคยเสียภาษีให้ชาติเขามาก่อนนั่นเอง
3.เราควรเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 1% ของมูลค่าตลาด ในต่างประเทศเขาเก็บกัน 1-3% ของราคาประเมินราชการที่ประเมินไว้ใกล้เคียงราคาตลาด แต่ในประเทศไทยเราเก็บน้อยมากหรือแทบไม่ได้เก็บ และใช้บัญชีราคาประเมินของทางราชการซึ่งประเมินไว้ต่ำมากๆ (เพื่อช่วยคนรวยจัดๆ) ถ้าเราไม่มีการเก็บภาษีแบบนี้ก็เท่ากับเรายกอสังหาริมทรัพย์ให้ต่างชาติแทบฟรีๆ
4.ในทำนองเดียวกัน เราก็ควรเก็บภาษีมรดกเช่นเดียวกับประเทศตะวันตก แต่ในไทยเราแทบไม่เก็บเลย เพื่อเปิดโอกาสให้คนรวยๆได้เลี่ยงภาษีนั่นเอง
ทีนี้ในกรณีของต่างชาติที่มาอยู่แล้ว ปรากฏว่าพวกเขาประสบปัญหาหลายประการที่เราควรจะช่วยเหลือพวกเขาบ้าง เช่น
1.ควรให้เขารายงานตัวภายในกำหนดเวลา 120 วัน แทนที่จะเป็น 90 วันหลังจากมาพำนักในประเทศไทยแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พวกเขาให้ไม่ต้องไปติดต่อราชการบ่อยๆ ในไต้หวันเขาก็กำหนดระยะเวลาการพำนักไม่เกิน 120 วัน แล้วต้องต่อวีซ่าใหม่
2.เราควรมีวีซ่าสำหรับผู้ที่มีอสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยสามารถพำนักได้ในระยะยาวแบบเดียวกับโครงการ Malaysia My Second Home แต่ต้องกำหนดราคาที่ไม่ต่ำกว่า 1-2 ล้านริงกิต (8-16 ล้านบาท) ไม่ใช่มาซื้อห้องชุดราคา 3-5 ล้านบาทแล้วก็จะเอาแต่ได้นั้นไม่ได้
3.การต่อวีซ่าหรือการติดต่อราชการควรใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประหยัดเวลาแก่ทั้งชาวต่างชาติและส่วนราชการไทยเอง
4.ควรอนุญาตให้คนต่างชาติเจ้าของบ้านหรือห้องชุดในประเทศไทยสามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนี้ได้ แต่ต้องถูกกักตัว 14 วันตามกฎหมายก่อน
5.ในกรณีญาติของชาวต่างประเทศที่อยู่อาศัยในประเทศไทยควรอนุญาตให้เข้ามาเยี่ยมหรืออยู่ร่วมด้วยได้ ที่ผ่านมาฝรั่งต้องกลับประเทศไทยเป็นจำนวนมากเพราะญาติมาไม่ได้ อย่างไรก็ตามแต่ ถ้าจะอนุญาตให้ญาติมาเยี่ยมหรือพำนักได้ ผมเห็นว่าต้องอยู่ในที่กักตัวตามสถานที่ที่ทางราชการจัดไว้ 14 วัน
6.คนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยนอกจากซื้อประกันสุขภาพระหว่างประเทศแล้ว ควรต้องซื้อประกันในประเทศไทยด้วย
7.ต้องกำจัดการทุจริตในการติดต่อราชการของคนต่างชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พวกเขาให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจ ที่ผ่านมาชาวต่างชาติบ่นมากในเรื่องการหาช่องทางการทุจริตต่างๆของข้าราชการไทยในกระบวนการติดต่อราชการหลายรายการ
การทำให้ประเทศไทยปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับการพำนักในระยะยาวของชาวต่างชาตินั้นจะทำให้ประเทศไทยสร้างรายได้เพิ่มเติมในอนาคต เราจึงควรใส่ใจเป็นพิเศษต่อประชากรกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในยามยากนี้
You must be logged in to post a comment Login