- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 6 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 1 day ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
ถึงจะทราม แต่อย่าเหยียดหยามศาสดา
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2019/07/santitum-300x300.jpg)
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 30 ต.ค. – 6 พ.ย. 63)
ขณะที่ประชาคมมุสลิมทั่วโลกกำลังเตรียมจัดงานระลึกถึงวันคล้ายวันเกิดของนบีมุฮัมมัด ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ตุลาคม 2563 หรือวันที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ.1442 ตามปฏิทินจันทรคติของอิสลาม นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกมาพูดให้ท้ายสื่อมวลชนที่วาดภาพล้อเลียนนบีมุฮัมมัดโดยอ้างเรื่องเสรีภาพ มุสลิมทั่วโลกจึงไม่พอใจ และแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยการบอยคอตสินค้าฝรั่งเศส
การพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามหรือใส่ร้ายคนอื่นไม่อาจเรียกว่าเป็นวัฒนธรรม แต่ต้องเรียกว่าเป็นพฤติกรรมเลวทรามที่ออกมาจากใจสกปรกที่ต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม เพราะเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีอำนาจเหนือพวกตน
พฤติกรรมเลวทรามเช่นนี้มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะผู้นำทางศาสนาที่เรียกร้องผู้คนสู่กรอบของศีลธรรมความดี ทั้งนี้ เพราะความชั่วเกิดจากการที่มนุษย์ละเมิดขอบเขตทางศีลธรรม คนชั่วจึงมองว่ากรอบศีลธรรมคือกรงขังที่กักตัวเองไว้มิให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ มิต่างจากลิงป่าที่ถูกจับขังกรง
เนื่องจากกรอบศีลธรรมมาจากคำสอนของศาสนา การจะทำลายศาสนาจึงต้องทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำศาสนา นี่คือเหตุผลว่าทำไมศาสดาหรือนบีทุกคนจึงถูกผู้คนในยุคสมัยของท่านพูดจาสบประมาทและดูหมิ่น
แต่เมื่อศาสดาตายไป คัมภีร์ที่บันทึกคำสอนและเกียรติประวัติของศาสดายังคงดำรงอยู่ ผู้นำทางสังคมที่สูญเสียผลประโยชน์จึงมีการสร้างเรื่องราวเสียหายให้แก่ศาสดา และนำไปสอดแทรกไว้ในคัมภีร์เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือในคำสอนของศาสนา
ตัวอย่างเช่น ในคัมภีร์ไบเบิล โนอาห์ถูกบันทึกไว้ว่าดื่มเหล้าจนเมานอนหงายผ้าเปิด ลูกสาวของโลทไม่มีชายใดมาขอแต่งงานเพราะผู้ชายในเมืองโซดอมชอบมีเพศสัมพันธ์ในหมู่เพศชายด้วยกัน จึงเอาเหล้าไปมอมพ่อจนเมาและให้พ่อมีเพศสัมพันธ์กับตัวเอง โซโลมอนผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวถูกบันทึกไว้ว่ากราบไหว้รูปเคารพเพื่อเอาใจผู้หญิง
การสอดแทรกเรื่องราวสกปรกเข้าไปในคัมภีร์ทางศาสนานี้เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนในยุโรปไม่สนใจในคำสอนของศาสนา เพราะเมื่อศาสดาผู้นำศาสนามาสั่งสอน แต่กลับประพฤติผิดศีลธรรมเสียเอง ใครเล่าจะนับถือศาสนา
ด้วยเหตุนี้คัมภีร์กุรอานจึงถูกส่งมายังนบีมุฮัมมัดเพื่อยืนยันคุณงามความดีของศาสดาหรือนบีที่ถูกทำลายความน่าเชื่อถือก่อนหน้านี้ และเนื่องจากคัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์ที่ไม่เคยถูกสังคายนาหรือถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆนับตั้งแต่นบีมุฮัมมัดจากโลกนี้ไป การทำลายความน่าเชื่อถือของอิสลามจึงต้องทำที่นบีมุฮัมมัดผู้ได้รับคัมภีร์กุรอานมาสั่งสอนมนุษยชาติ
การที่นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส อ้างเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดและการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชน จึงเป็นการให้ท้ายสื่อมวลชนเหมือนกับจะพูดในทำนองว่า “เอาที่สบายใจ”
ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศต้นแบบของประชาธิปไตยที่ส่งเสริมเสรีภาพ แต่เสรีภาพที่ถูกนำมาใช้อย่างไร้ขอบเขตและล่วงเกินศาสนามิใช่เสรีภาพที่แท้จริง แต่มันคืออนาธิปไตย
ฝรั่งเศสเคยเป็นชาติคริสเตียนมาก่อน และไม่มีชาวคริสเตียนคนใดไม่รู้จักอับราฮัมหรืออิบรอฮีมผู้เป็นบรรพบุรุษแห่งความศรัทธาของชาวยิว ชาวคริสเตียน และมุสลิม ในการละหมาดประจำวัน 5 เวลา มุสลิมทุกคนทั่วโลกจะกล่าวคำวิงวอนต่อพระเจ้าให้ประสาทพรแก่นบีมุฮัมมัดและอับราฮัมรวมทั้งลูกหลานของมหาบุรุษทั้งสองด้วย เพราะหลักศรัทธาในอิสลามกำหนดว่า มุสลิมต้องศรัทธาในบรรดานบีที่มาก่อนหน้านบีมุฮัมมัด ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกหลานของอับราฮัม
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อนบีมุฮัมมัดถูกล้อเลียนหรือถูกดูหมิ่นเหยียดหยามโดยชาวยิวหรือชาวคริสเตียน แม้แต่มุสลิมที่ไร้การศึกษาหรือเลวทรามที่สุดจะไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสดาของชาวยิวและชาวคริสเตียนเป็นการโต้ตอบ
You must be logged in to post a comment Login