วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มาตรการพึงมีก่อนให้ต่างชาติซื้ออสังหาฯในไทย

On November 10, 2020

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 13-20 พ.ย. 63)

เห็นนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่ของไทยบางรายกระเหี้ยนกระหือรือที่จะให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเหลือเกิน ดร.โสภณแนะ ถ้าจะให้ฝันนี้เป็นจริงต้องอุดช่องโหว่ขายชาติบางประการเสียก่อน หาไม่ชนรุ่นหลังจะตราหน้าให้ละอายว่าไอ้ “กบฏในราชอาณาจักร” ตัดแผ่นดินขายเพื่อเอาตัวรอดส่วนบุคคล

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก เคยเป็นที่ปรึกษาในโครงการของกระทรวงการคลังและกระทรวงอื่นในกัมพูชา บรูไน เวียดนาม อินโดนีเซีย และยังเคยไปสำรวจวิจัยและบรรยายในประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาขององค์การสหประชาชาติหลายแห่ง เช่น ESCAP FAO ILO UN Habitat มีความเห็นว่าก่อนที่รัฐบาลจะให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้อย่างเสรีในประเทศไทยนั้น พึงรู้ว่าประเทศอื่นเขาทำอย่างไร จะได้ไม่เป็นการขายชาติ ขายแผ่นดิน ทำร้ายคนในชาติ

•      นิวซีแลนด์ ไม่ให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์เลย เพราะเป็นประเทศเล็กๆ ขืนให้ต่างชาติซื้อไปมากก็คงสูญเสียเอกราช ยกเว้นให้ชาติพันธมิตรเล็กๆด้วยกันบางประเทศซื้อได้ เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น

•      ออสเตรเลีย ให้ต่างชาติซื้อได้เฉพาะบ้านมือหนึ่ง บ้านมือสองห้ามซื้อ เพราะจะดันราคาบ้านให้เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนออสเตรเลียเองเดือดร้อน รัฐบาลไทยควรศึกษาไว้ จะได้ไม่ทำร้ายคนในชาติ

•      มาเลเซีย ให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ แต่ต้องมีราคา 1-2 ล้านริงกิต หรือ 7.5-15 ล้านบาทขึ้นไป (แล้วแต่ทำเล) เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ซื้อสินค้าราคาถูกๆ เพราะจะทำให้ประชาชนชาวมาเลเซียเดือดร้อน รัฐบาลไทยจึงควรศึกษาไว้ จะได้ไม่ทำร้ายคนในชาติอีกเช่นกัน

•      สิงคโปร์และฮ่องกง ไม่ได้จำกัดด้านราคา เพราะห้องชุดแต่ละหน่วยมีมูลค่านับสิบล้านบาทอยู่แล้ว แต่สิงคโปร์ให้ต่างชาติเสียภาษีซื้อ 20-25% ส่วนฮ่องกงให้เสียภาษีซื้อ 30% เพื่อปรามการเข้ามาของต่างชาติ กรณีนี้เป็นไปตามตรรกะการเสียภาษี เช่นเดียวกับคนไทยส่งลูกไปเรียนออสเตรเลียก็ต้องเสียค่าเล่าเรียนแพงกว่าปกติบ้าง เพราะเราไม่เคยเสียภาษีให้ประเทศเขาเลย อยู่ดีๆไป “ชุบมือเปิบ” ไม่ได้ แต่ไทยแทบไม่เก็บภาษีซื้อเข้าหลวงเลย อย่างนี้เท่ากับเรา “ขายชาติ”

•      ไต้หวัน มีนโยบาย 3-4-5 คือ ต่างชาติที่มาซื้อบ้านในไต้หวันต้องห้ามขายภายใน 3 ปีแรก เพื่อป้องกันการซื้อเก็งกำไร อยู่ในไต้หวันได้ไม่เกิน 4 เดือนต่อปี ไม่ใช่มาฝังตัวเลย และกู้เงินธนาคารในไต้หวันได้ไม่เกิน 50% ของมูลค่าบ้าน นี่ก็แสดงว่าเขาเห็นแก่คนในชาติมากกว่าคนต่างชาติ

•      ในยุโรปและอเมริกา ยินดีให้ต่างชาติไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ แต่เขามีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ต้องเสียภาษีประมาณ 1-3% ของราคาประเมิน ซึ่งเท่ากับราคาตลาด แต่ในไทยระบบภาษีนี้ไม่มีประสิทธิผล ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องเสียภาษีเช่นอารยประเทศ แถมยังแทบไม่ต้องเสียภาษีมรดก จะเห็นได้ว่าราคาประเมินของราชการของไทยต่ำกว่าราคาตลาดมาก ทั้งนี้ เพื่อเอื้ออำนวยแก่ “เจ้าสัว” ในการเสียภาษีแต่น้อย

จะเห็นได้ว่าอย่างในกรณีจีนที่อยากมาซื้อบ้านในไทย (ใจจะขาด) ก็ยังไม่ยอมให้แม้แต่พลเมืองของตนเองซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบขายขาด (ชั่วกัลปาวสาน) เยี่ยงในประเทศไทยเลย รัฐบาลจีนให้สิทธิคนจีนแท้ๆเช่าอสังหาริมทรัพย์ภายในระยะเวลา 70 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นค่อยต่อสัญญากันไปหากยังมีชีวิตอยู่ ลูกหลานก็ต้องขวนขวายหาเอาเอง ไม่ใช่รอแต่รับมรดกจากพ่อแม่ รัฐบาลไทยต้องไม่เห็นแก่นายทุนใหญ่มากกว่าประชาชนเจ้าของประเทศและลูกหลานไทยในอนาคต

มาตรการที่จำเป็นที่จะให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยได้นั้นควรมีดังนี้ :

  1. ให้ต่างชาติซื้อห้องชุดได้ แต่ต้องมีราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เพื่อป้องกันไม่ให้ต่างชาติมาดันราคาบ้านให้สูงขึ้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถซื้อบ้านได้
  2. ภาษีซื้ออสังหาริมทรัพย์สำหรับคนต่างชาติควรกำหนดไว้ที่ 10% ของมูลค่าตลาด เพื่อนำเงินจากการซื้อของต่างชาติมาพัฒนาประเทศ พวกนี้ไม่เคยเสียภาษีให้ประเทศไทย ถ้าจะมาอยู่ในไทยก็ควรเสียภาษีก่อน
  3. ภายใน 3 ปีแรกของการซื้อห้ามขายต่อ เพื่อป้องกันการมาซื้อเก็งกำไร
  4. มีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับชาวต่างชาติปีละ 0.5-1% ของมูลค่าตลาด และเพื่อไม่ให้ต่างชาติเสียเปรียบคนไทยก็ควรเก็บภาษีนี้กับคนไทยด้วย แต่ไม่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเดือดร้อน แต่เก็บภาษีกับผู้มีทรัพย์สิน คนมีทรัพย์สินมากก็เสียภาษีมากในสัดส่วน (%) ที่เท่ากัน
  5. มีการจัดเก็บภาษีมรดก โดยยกเลิกกฎหมายภาษีมรดกฉบับปัจจุบันที่มีช่องโหว่ให้คนรวยเลี่ยงภาษีได้มากมาย และจัดเก็บเหมือนนานาอารยประเทศ
  6. การหลบเลี่ยง จดทะเบียนผิดๆ ให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์แบบฉ้อฉล การสวมบัตรประชาชนคนไทยเพื่อมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ ควรได้รับการปราบปรามอย่างจริงจัง ข้าราชการที่เกี่ยวข้องต้องได้รับการลงโทษสถานหนัก

คิดและทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติและประชาชน และหยุดคิดขายชาติเพื่อตัวเองได้แล้ว เมื่อสามารถทำตามข้างต้นได้ ไทยเราก็จะไม่เสียเปรียบต่างชาติ


You must be logged in to post a comment Login