วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Nusa Tech เปิดตัว Nusa Digital Asset การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่

On November 11, 2020

nusa1

Nusa Tech (ณุศา เทค) กลุ่มธุรกิจใหม่ภายใต้การนำของบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) จัดงาน NUSA OPEN THE NEW WORLD ในรูปแบบ Virtual Conference  เพื่อเปิดตัวกลุ่มธุรกิจและโครงการใหม่แห่งอนาคตที่จะมาเสริมกำลังทางธุรกิจพร้อมเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่จะเชื่อมต่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการในประเทศไทย เพื่อยกระดับธุรกิจในอุตสาหกรรมหลักของไทยสู่ตลาดโลกแบบไร้พรมแดน โดยเปิดตัวโครงการ Thailand Digital Kingdom อาณาจักรเศรษฐกิจใหม่บนโลกดิจิทัล ด้วยกลยุทธ์ 3+6+1 นำร่องด้วยแพลตฟอร์มยักษ์ 3 ด้านเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว การแพทย์ และการค้าออนไลน์ และ 6 แพลตฟอร์มที่จะมาเป็นระบบรองรับในรูปแบบ Supply Chain และ อีก 1 การซื้อขายรูปแบบใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์

แพลตฟอร์มด้านการค้าออนไลน์ Thailand Showroom มีงบการลงทุนถึง 200 ล้านบาทเพื่อสร้างระบบAIที่จะเชื่อมต่อและผลักดันให้สินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก พร้อมสร้างรายได้และโอกาสให้กับอุตสาหกรรมไทยในทุกระดับด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นเสมือนโชว์รูม ของสินค้าไทยที่ยิ่งใหญ่จากทั่วทุกภูมิภาคของไทย จะมารวมไว้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้สินค้าของไทยออกสู่ตลาดโลกผ่านโลกดิจิทัลที่ไร้พรมแดน แพลตฟอร์มที่สองโดดเด่นด้านการแพทย์และสุขภาพใช้งบ 100 ล้าน จัดทำแพลตฟอร์มชื่อ P.A.L.P by WMA (world medical alliance) ที่จะยกระดับวงการการแพทย์ไทยสู่สากลเพื่อเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพของเอเชีย ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในการกรองข้อมูลและวิเคราะห์ผลอย่างแม่นยำ พร้อมเชื่อมต่อการบริการทางการแพทย์และสุขภาพแบบไร้ขีดจำกัด สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการทั่วโลก โดยร่วมมือกับ Thailand Elite card โดยมีเป้าหมายจะดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ใส่ใจด้านสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มสำคัญที่ร่วมมือกับ Depa ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่และเป็นเครื่องมือหลักของการท่องเที่ยวในประเทศที่จะรวบรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยแบบครบวงจรด้วยแพลตฟอร์ม Safe-T Travelที่ทุ่มงบ 100 ล้าน เพื่อสร้างเทคโนโลยีเพื่อออกแบบการท่องเที่ยวส่วนบุคคลและด้วยระบบการให้บริการจากกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก​เป็นเสมือนประตูสู่ประเทศไทย

นอกจากนี้กลุ่ม Nusa Tech (ณุศา เทค) ยังมีแผนทุ่มงบอีก1000 ล้าน เพื่อสร้างแพลตฟอร์มอัจฉริยะอีก6ด้าน โดยกระจายงบให้แต่ละแพลตฟอร์ม 50-60 ล้าน ให้แต่ละแพลตฟอร์มอัจฉริยะเพิ่มอีก 6 ด้านที่จะมาเติมเต็มให้ครบวงจรในรูปแบบ Ecosystem และจะมาเป็นอาวุธเสริมในการผนึกกำลังเพื่อพัฒนาและผลักดันระบบ Supply Chain ให้พร้อมรองรับธุรกิจของไทยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประกอบ

ไปด้วยแพลตฟอร์ม Smart factories and warehouses แพลตฟอร์มพัฒนาระบบการจัดเก็บสินค้าระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม Smart food agriculture ที่จะมาผลักดันการเกษตรอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แพลตฟอร์ม Delivery เพื่อมาใช้ในการพัฒนาการขนส่งที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แพลตฟอร์ม Export and Shipping ที่จะใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาการส่งออกให้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากนั้นยังเสริมด้วยแพลตฟอร์มที่จะมาเป็นรากฐานและเป็นต้นทุนทางการเงินและความคิดอย่างแพลตฟอร์ม Nusa Money ที่จะมาเชื่อมโยงทุกแพลตฟอร์มด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลใบเดียว สุดท้ายคืออาวุธทางปัญญาที่จะมาขับเคลื่อนทุกธุรกิจด้วยการจัดหาขุนพลรุ่นใหม่เพื่อจับคู่สายงานกับความถนัดแบบเป็นระบบด้วยแพลตฟอร์ม HR new gen strategy platform

ณุศา เทค ร่วมกับภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยนักพัฒนาและผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มมาตราฐานระดับสากลในโครงการ Thailand Digital Kingdom ที่จะมาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหลัก ด้วยการนำเทคโนโลยี AI ที่เป็นนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่ทรงประสิทธิภาพ เข้าถึงตลาดโลกและวิเคราะห์เพื่อประมวลผลอย่างแม่นยำ โดยแพลตฟอร์มสามแพลตฟอร์มหลักจะพร้อมใช้ในปี 2021 เพื่อรองรับความต้องการของนักธุรกิจและคู่ค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศ อีก 6 แพลตฟอร์มจะพร้อมใช้ในปี 2021-2022 เพื่อพัฒนาระบบ Ecosystem อย่างเต็มรูปแบบเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าของไทยอย่างยั่งยืน

nusa3

ณุศา เทค วางเป้าหมายว่าธุรกิจแพลตฟอร์มทั้งหมดจะสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยถึงหมื่นล้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อปี โดยตั้งเป้า Thailand showroom จะสร้างรายได้ 0.1%ของมูลค่าการส่งออกประมาณ 7,500 ล้านบาท แพลตฟอร์ม PALP อีก 2,500 ล้านบาท แพลตฟอร์ม Save-T Travel จะสร้างเม็ดเงินให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยประมาณ 300 ล้านบาท และอีก 6 แพลตฟอร์มด้าน Supply Chain อีก 1​,500 ล้านบาท แต่เมื่อทุกแพลตฟอร์มเชื่อมต่อกันทั้งหมดจะสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งประเทศถึง 10% ของมูลค่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและจะช่วยสร้างรายได้สู่ชุมชนเนื่องจากทุกแพลตฟอร์มจะเชื่อมต่อกันเป็นระบบจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ  คาดว่าโครงการ Thailand Kingdom จะเป็นแพลตฟอร์มระดับชาติ ที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต

นอกจากระบบที่จะมาเป็นแรงผลักดันทางธุรกิจ สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการมากมาย ทางโครงการยังเปิดตัว Nusa Digital Asset ที่เป็นการเปลี่ยนผ่านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์รูปแบบเดิมที่มีความยุ่งยากซับซ้อนมาสู่รูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ทำให้การซื้อขายสะดวกสบายขึ้น ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น โปร่งใส ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงผู้ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ทั่วโลก Nusa Digital Asset ถือเป็นครั้งแรกในการซื้อขายรูปแบบใหม่ที่รวม 3 องค์ประกอบไว้ด้วยกันคือ อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเสริมสร้างสุขภาพครบวงจร รวมถึงโอกาสการซื้อขายในตลาดทุนดิจิทัลได้ในอนาคต โดยโครงการแรกคือ Nusa My Ozone ที่มีสูงมูลค่า 10,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ทำเลดีที่สุดในเขาใหญ่ ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์อันดับ 7 ของโลกที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นศูนย์สุขภาพที่พร้อมสรรพด้วยการบริการด้านสุขภาพครบวงจรควบคู่ไปกับที่พักอาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการใช้ชีวิต ด้วยการร่วมมือจากโรงพยาบาล Panacee และบริหารโครงการด้วย Digital โรงแรมระดับโลกอย่าง Movenpick โดยตั้งเป้ายอดซื้อในเฟสแรกประมาณ 10% ประมาณ 1,000 ล้าน

ภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณวีรวรรณ เทพเจริญ, ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ ผศ.ดร.รัฐกร พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการที่จะมาสร้างมิติใหม่แห่งการลงทุนและโอกาสทางธุรกิจบนโลกแห่งอนาคต

nusa2

ศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาดและผู้ก่อตั้ง Thailand Digital Kingdom by NusaTech กล่าวถึงวัตถุประสงค์ “ด้วยโลกที่มันเปลี่ยนไปทุกวัน ทาง ณุศาศิริ จึงริเริ่มธุรกิจด้านดิจิทัลขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ตามปณิธานที่เรามีมาตลอดขององค์กรคือ เราจะสร้างให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้านอย่างยั่งยืน ครั้งนี้เรามุ่งหวังเพื่อสร้างโอกาสใหม่ในชีวิตให้คนไทย ด้วยทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามีบทบาทสำคัญทางการทำธุรกิจและเศรษฐกิจระดับโลก เราจึงมุ่งหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้นจากเดิม โดยเริ่มพัฒนาจากประเทศไทยให้ธุรกิจไทยออกสู่ตลาดโลกและจากตลาดโลกนำเม็ดเงินกลับสู่ประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมทางความคิดผนวกกับเทคโนโลยีของโครงการจากณุศา เทค ”

ด้าน ผศ.ดร.รัฐกร พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนให้คำนิยามของการลงทุน กล่าวถึงการซื้ออสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ว่า “Nusa Digital Asset เป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain มาช่วยทำให้การซื้อขายสะดวกสบายขึ้น มีความคล่องตัวในการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ต่างจากการซื้อขายแบบเดิม พิเศษสำหรับผู้ซื้อต่างชาติที่ซื้อด้วยมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐจะได้รับวีซ่า 20 ปี Nusa Digital Asset ถือเป็นการซื้อขายรูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัลที่จะมาทดแทนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบเดิมๆ ในอนาคต”

นอกจากนี้ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวถึงการสนับสนุนแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของณุศา เทค ว่า “depa ภายใต้กระทรวงดิจิทัล เล็งเห็นถึงความสำคัญในโครงการดังกล่าว นอกจากโครงการจะใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการทางธุรกิจในหลายภาคส่วน อีกทั้งยังเป็นโครงการที่จะเข้ามามีบทบาทที่จะเข้ามาเสริมสร้างฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยและพัฒนาประเทศไทยให้พร้อมรับมือเข้าสู่ยุคใหม่แห่งอนาคต เราจึงสนับสนุนโครงการน้ำดีนี้ และนี่คือการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ได้แค่เราหรือใครแต่ที่ได้ มันคือสิ่งใหม่ที่ดีกับทุกวงการ ทั้งวงการเทคโนโลยี ทั้งเศรษฐกิจและสังคม ผมเชื่อว่าโครงการนี้จะสร้างเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์และยั่งยืน”

ภายในงาน Virtual Conference ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่อย่างคับคั่ง ครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ในการเปลี่ยนถ่ายและต่อยอดของ ณุศาศิริ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาถึงกลุ่มธุรกิจสายเทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสในยุคดิจิทัลแห่งอนาคตรอบด้านอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน


You must be logged in to post a comment Login