วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 50 ปี อดีตนายก อบต. ทุ่งมะพร้าว พังงา ฐานอนาจารเด็ก2ราย

On December 25, 2020

วันนี้ (25ธ.ค.) นายชูวิทย์  จันทรส  เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวถึง ความคืบหน้ากรณีคลิปฉาว นายก อบต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุ14 ปี ภายในรถยนต์ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมปี2562 ซึ่งกรณีนี้มูลนิธิฯ ได้เข้าช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหาย 2 รายเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13ปี  และเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี  ล่าสุด คดีนายศุภศักดิ์ โภคบุตร  อดีตนายก อบต.ทุ่งมะพร้าว  ศาลจังหวัดพังงานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 น. ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๒๑๗/๒๕๖๓ พนักงานอัยการจังหวัดพังงา และโจทก์ร่วม (ผู้เสียหายโดยทนายมูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว เป็นทนายโจทก์ร่วม) ระหว่าง นายศุภศักดิ์   โภคบุตร จำเลยฐานความผิดพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร , กระทำอนาจารแก่เด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีและอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ , กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีและเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กหญิงนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้  จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ระหว่าง ต้นเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2559 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2562 เหตุที่ตำบลทุ่มมะพร้าวและตำบลลำแก่น อำเภอ ท้ายเหมือง จังหวัด พังงา ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน  การที่จำเลยได้กระทำเป็นความผิดต่อกฎหมาย และบทมาตราดังนี้ คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91 , 276 , 277 , 279 , 317  ขอศาลได้พิจารณาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย 

“ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐาน พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา รวม รวม 10 กระทง ลงโทษจำคุกจำเลย 324 ปี 3 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้ง2คน คนละ1ล้านบาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 5แสนบาท รวมเงินที่ต้องชดใช้2.5ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง(ฟ้องวันที่ 21 เมษายน 63 ) เป็นต้นไป” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์  กล่าวอีกว่า กรณีนี้ทางมูลนิธิเข้าให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย  เพราะผู้ก่อเหตุเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่กว้างขวางในพื้นที่  และผู้เสียหายเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆที่ยากลำบากในการต่อสู้  และเราทำงานร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม  เคสนี้ได้รับเงินเยียวยาจากกองทุนยุติธรรมแล้วและอยู่ในการคุ้มครองพยาน   เราทำงานร่วมกับกรมกิจการเด็กและสถาบันครอบครัว  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ด้วย  ในการเสริมพลังและเยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหาย  มูลนิธิให้การช่วยเหลือในด้านคดีความโดยการเป็นทนายโจทย์ร่วม  ส่วนคำพิพากษาในวันนี้เป็นเพียงศาลชั้นต้น  ซึ่งผู้ก่อเหตุก็คงใช้สิทธิในการอุทธรณ์และฎีกาต่อไป  นี่เป็นการส่งสัญญาณว่าไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นใครมีอิทธิพลแค่ไหน  ทุกคนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย  และไม่ควรมีใครที่จะใช้อำนาจ บารมีในการล่วงละเมิดผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน  


You must be logged in to post a comment Login