- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
สสส.-ภาคีแผนการอ่านฯ ทั่วประเทศ ชวนอ่านสร้างสุข อยู่บ้าน ต้านโควิด-19
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า จากผลสำรวจการอ่านของประชากร ปี 2561 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า คนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป อ่านหนังสือร้อยละ 78.8 หรือคิดเป็นจำนวนประชากร 49.7 ล้านคน กลุ่มที่ไม่อ่าน มีร้อยละ 21.2 คิดเป็นจำนวนประชากร 13.7 ล้านคน เหตุผล คือ ไม่ชอบ ไม่สนใจการอ่าน ในยุคดิจิทัล ศตวรรษที่ 21 และตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ สสส. ร่วมสานพลังภาคีการอ่านทั่วประเทศ จัดกิจกรรมพิเศษ “อ่านสร้างสุข อยู่บ้าน ต้านโควิด–19” ส่งเสริมการรักการอ่านในกลุ่มเด็กเล็กผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในช่องทางเฟซบุ๊ก โดยให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย มีความเข้าใจ จนเกิดการทดลองปฏิบัติในเรื่องการอ่าน เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านที่ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพสมองและกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างทักษะชีวิตกลุ่มเด็กเล็กในอนาคต
“องค์การอนามัยโลก ได้แนะนำพ่อแม่และผู้ปกครอง ในการควบคุมเวลาหน้าจอสำหรับเด็กไว้ว่า เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรอยู่หน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือจอโทรทัศน์ เด็กอายุ 2-4 ปี ไม่ควรใช้เวลาอยู่หน้าจอเกิน 1 ชั่วโมง การเล่านิทานให้เด็กฟังเป็นประจำจะช่วยทำให้เด็กรักการอ่าน ไม่มีพฤติกรรมติดจอ และการอ่านยังสัมพันธ์ต่อการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ ทั้งการเรียน การใช้ชีวิต และด้านสุขภาพ ซึ่งคนใกล้ชิดเด็กสามารถอ่านหนังสือให้เด็กฟังได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือแม้กระทั่งเมื่อเด็กอยู่ในท้อง ทุกภาคส่วนจึงต้องสานพลังรณรงค์ให้ความรู้และทำความเข้าใจ เพราะการแก้ไขเรื่องการอ่านจึงไม่ได้อยู่แค่ในระดับองค์กร ต้องให้ความรู้ตั้งแต่ระดับครัวเรือน” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมาอีกครั้ง ทำให้มีผลกระทบเกิดขึ้น ทั้งการประกาศปิดสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย อาทิ ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน ทำให้เด็ก ๆ ที่หยุดอยู่บ้านขาดกระบวนการเรียนรู้และการสร้างเสริมศักยภาพที่จำเป็น ลดลงจากเดิม 20-30% และผลกระทบของพ่อแม่และผู้ดูแลเด็กในการใช้ชีวิตและการทำงาน การส่งเสริมการอ่านและการเล่นสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้อย่างรอบด้าน ทั้งทักษะเท่าทันสื่อ ความรอบรู้ด้านสุขภาพ ทักษะป้องกันตนเองจากโควิด-19 ดังนั้น แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ร่วมกับ ภาคีอ่านยกกำลังสุขทั่วประเทศ และเครือข่ายพลังอ่านชายแดน จึงจะได้จัดกิจกรรมพิเศษ “อ่านสร้างสุข อยู่บ้าน ต้านโควิด–19” เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ทางออนไลน์ที่มีรูปแบบที่หลากหลายตามบริบทของพื้นที่ทุกภูมิภาค
“นิทาน มีภาพประกอบที่ช่วยเสริมจินตนาการ เกิดทักษะในการคิดวิเคราะห์ ตีความ มีการใช้ศัพท์ที่ง่าย ทำให้เด็กเข้าใจและรักการอ่าน เพียงแค่เริ่มใช้เสียงในการอ่านหนังสือ นิทาน และการปฏิสัมพันธ์กับเด็กในครอบครัว ให้เด็กได้เข้าใจ และเปล่งเสียงออกมา จะช่วยพัฒนาทักษะด้านการพูด การอ่าน สามารถช่วยคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ได้ในอนาคต นำไปสู่การสร้างพลังพลเมืองที่ตื่นรู้ ก้าวสู่สังคมที่เปลี่ยนแปลง หวังว่ากิจกรรมพิเศษ “อ่านสร้างสุข อยู่บ้าน ต้านโควิด–19” จะช่วยเป็นแนวทางให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กได้นำทักษะการเล่านิทาน การเล่นเกมไปใช้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้อย่างสะดวกมากขึ้น” นางสุดใจ กล่าว
สำหรับ การจัดกิจกรรมพิเศษ “อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด–19” จะมีทุกวันศุกร์ เวลา 18.00 -19.00 น. ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “อ่านยกกำลังสุข” ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ครอบครัวและผู้ดูแลเด็กที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ www.happyreading.in.th
You must be logged in to post a comment Login