- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ปาฏิหาริย์ไม่ใช่ไสยศาสตร์
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 5-12 มี.ค. 64)
ในโลกของเรามีเหตุการณ์ประหลาดน่าทึ่งหลายอย่าง เช่น การทรงเจ้า หรือการเอาเหล็กแหลมแทงทะลุแก้ม ซึ่งทำให้ผู้พบเห็นหรือเฝ้าดูหวาดกลัวและเลื่อมใสศรัทธาจนเชื่อว่ามันเป็นผลงานของผู้มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจึงกราบไหว้บูชา และนี่คือที่มาของอวิชชาซึ่งมีที่มาจากไสยศาสตร์และไม่มีอยู่ในแก่นธรรมคำสอนของศาสนาใดๆ
เนื่องจากความเชื่อผิดๆทำให้มนุษย์หลงผิด ศาสนาจึงถูกส่งมาเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับให้แก่มนุษย์ และทำให้มนุษย์เห็นว่าไสยศาสตร์กับปาฏิหาริย์นั้นมีความแตกต่างกัน
ความแตกต่างระหว่างไสยศาสตร์กับปาฏิหาริย์ถูกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเหตุการณ์ประลองอำนาจเร้นลับระหว่างนักไสยศาสตร์ระดับเกจิของฟาโรห์กับโมเสส ซึ่งฟาโรห์จัดขึ้นเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าปาฏิหาริย์ไม้เท้ากลายเป็นงูของโมเสสเป็นงานที่นักไสยศาสตร์ของเขาสามารถทำได้
ในวันประลอง กิ่งไม้หรือเชือกที่นักไสยศาสตร์ของฟาโรห์โยนลงไปบนพื้นได้ทำให้คนเห็นว่ามันกลายเป็นงูตัวเล็กๆที่เคลื่อนไหวสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คน แต่เมื่อโมเสสได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้โยนไม้เท้าของเขาลงไป ไม้เท้าของเขาได้กลายเป็นงูใหญ่ที่มีชีวิตจริง และทำให้งูเล็กๆที่เกิดจากเชือกหรือกิ่งไม้ของนักไสยศาสตร์หายไปต่อหน้าต่อตาผู้เฝ้าดู
นี่คือเหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าปาฏิหาริย์ของพระเจ้าไม่ใช่ไสยศาสตร์ และนักไสยศาสตร์ของฟาโรห์ก็ยอมรับว่าสิ่งที่โมเสสแสดงออกมาคือปาฏิหาริย์ เมื่อความจริงประจักษ์ต่อสายตาและเปิดใจยอมรับความจริง นักไสยศาสตร์ก็ยอมรับพระเจ้าของโมเสส แม้ฟาโรห์จะโกรธนักไสยศาสตร์ที่หันไปนับถือพระเจ้าของโมเสสจนถึงกับขู่พวกเขาว่าจะลงโทษด้วยการตัดแขนตัดขา แต่นักไสยศาสตร์เหล่านั้นก็ยอมที่จะพลีชีพเพื่อรักษาความศรัทธาในพระเจ้าของตน
ไสยศาสตร์เป็นงานของสิ่งเร้นลับที่มีชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์บนโลกใบนี้ ความเชื่อในสิ่งเร้นลับจึงเป็นความเชื่อขั้นพื้นฐานของศาสนา ในอิสลามมุสลิมถูกกำหนดให้เชื่อในสิ่งเร้นลับที่ตามนุษย์มองไม่เห็นว่ามีอยู่จริง เช่น พระเจ้า นรก สวรรค์ วิญญาณ ทูตสวรรค์ และญิน
ญินเป็นเผ่าพันธ์ุสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างมาจากไฟ มนุษย์มองไม่เห็นญิน แต่ญินมองเห็นมนุษย์ เพราะมนุษย์ถูกสร้างมาจากดิน ญินมีทั้งดีและชั่ว ญินชั่วถูกเรียกว่าชัยฏอนหรือซาตาน ญินมีพลังความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว และสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ เช่น งู และสัตว์มีปีก
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าได้ให้อำนาจพิเศษเป็นการเฉพาะแก่มนุษย์บางคน เช่น นบีสุลัยมานหรือโซโลมอนในการควบคุมญิน นบีสุลัยมานได้ใช้พวกญินให้ดำน้ำหาไข่มุกและปะการัง และยังใช้ญินสร้างมัสยิดหรือวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม แต่นบีสุลัยมานได้ขอต่อพระเจ้าว่าอย่าได้ประทานอำนาจนี้แก่ใครอีกหลังจากเขา เพราะเกรงว่าคนที่ไม่มีคุณธรรมจะเอาอำนาจพิเศษของพระเจ้าไปใช้ในทางที่ผิด
เนื่องจากไสยศาสตร์เป็นศาสตร์เร้นลับ ญินจึงถูกนำมาใช้งานในทางไสยศาสตร์ ประกอบกับอิบลีส บรรพบุรุษของมัน เคียดแค้นอาดัม และมันได้ขอพระเจ้าหลอกลวงอาดัมและลูกหลานของเขาจนถึงวันสิ้นโลกก่อนที่มันจะถูกลงโทษเพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้า วัตถุประสงค์ของมันก็เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าลูกหลานของอาดัม (มนุษย์) มีน้อยคนนักที่จะสำนึกในบุญคุณของพระองค์และกราบไหว้พระองค์ แต่จะหันมากราบไหว้บูชาพวกมัน ดังนั้น มันจึงแสดงอิทธิฤทธิ์สร้างความหวาดกลัวผ่านคนบางคนและเหตุการณ์บางอย่างเพื่อให้ผู้คนกราบไหว้บูชามัน
ก่อนหน้าสมัยนบีมุฮัมมัด ชาวยิวที่มีวิชาไสยศาสตร์ในการสร้างความแตกแยกระหว่างสามีภรรยาอ้างว่าวิชาไสยศาสตร์มาจากนบีสุลัยมาน คัมภีร์กุรอานตอนหนึ่งจึงถูกประทานมาเพื่อปฏิเสธคำกล่าวอ้างของชาวยิว และอธิบายว่าไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์ให้มาสอนชาวยิว และย้ำว่าวิชาไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่พระเจ้าให้มีขึ้นเพื่อทดสอบว่าใครจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับมันหรือออกห่างจากมัน
อิสลามถือว่าคนที่ทำไสยศาสตร์มักต้องอาศัยญินและเป็นพวกของมัน แต่เนื่องจากญินถูกสร้างมาจากไฟ คนที่เกี่ยวข้องกับญินส่วนใหญ่จึงเป็นสหายของไฟ
You must be logged in to post a comment Login