วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ทูตสวรรค์ ญินและวิญญาณ

On April 9, 2021

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 9-16 เม.ย. 64)

ความเชื่อในสิ่งเร้นลับหรือสิ่งที่ตามองไม่เห็นเป็นสิ่งที่มีอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา ไม่ต่างไปจากวิทยาศาสตร์ที่แม้จะเป็นศาสตร์ทางวัตถุ แต่ในโลกของวิทยาศาสตร์ก็มีอะไรมากมายที่ตาของมนุษย์มองไม่เห็นและนักวิทยาศาสตร์แนะนำให้เชื่อว่ามีไว้ก่อนเป็นการปลอดภัยกว่า ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในขณะนี้ก็คือ ไวรัสโคโรนาที่ตามองไม่เห็น แต่เพื่อความปลอดภัย ให้เชื่อว่ามันมีและใส่หน้ากากป้องกันไว้ดีกว่า

แม้ตามนุษย์จะมองไม่เห็นเชื้อไวรัสโคโรนาเพราะความเล็กของมัน นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องมองเห็นมันได้เพราะมันมีตัวตน แต่แรงดึงดูดหรือแรงโน้มถ่วงของโลกที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีนั้นสามารถพิสูจน์ได้แม้กล้องใดๆจะมองไม่เห็นมันก็ตาม

ในแผ่นดินอาหรับก่อนหน้าอิสลาม ชาวอาหรับเชื่อว่าทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ)ที่มนุษย์มองไม่เห็นเป็นลูกสาวของพระเจ้าและเชื่อในเรื่องภูตผีปีศาจที่เรียกว่า “ญิน”  พ่อมดหมอผีจึงเป็นที่นับถือของผู้คน  ชาวยิวและชาวคริสเตียนก็มีความเชื่อในเรื่องผีเช่นกัน  ในคัมภีร์ไบเบิลได้พูดถึงคนถูกผีเข้าและพระเยซูได้ขับผีให้ออกจากร่างของคนผู้นั้น

ความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นว่ามีอำนาจเร้นลับเหนือมนุษย์ทำให้มนุษย์หวาดกลัวและทำรูปจำลองสิ่งตัวเองเชื่อตามจินตนาการขึ้นมาและเซ่นไหว้บูชาอำนาจเร้นลับเหล่านั้น นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมก๊ะอฺบ๊ะฮฺซึ่งพระเจ้าได้สั่งให้อับราฮัมสร้างขึ้นมาในหุบเขาบักก๊ะฮฺเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์แต่เพียงผู้เดียวจึงรายล้อมด้วยรูปปั้นเจว็ดบูชาถึง 360 รูปหลังอับราฮัมจากโลกนี้ไปไม่นาน

ด้วยความไม่รู้ในสิ่งเร้นลับ ชาวอาหรับและชนชาติอื่นๆในโลกจึงเข้าใจว่าสิ่งเร้นลับที่เรียกว่าผีนั้นคือวิญญาณของคนตายหรือไม่ก็เรียกผีว่าวิญญาณชั่ว  พิธีกรรมทำบุญคนตายเพื่อส่งวิญญาณจึงเกิดขึ้นเพื่อมิให้วิญญาณกลับมาหลอกหลอน แต่วิญญาณกับผีที่หลอกหลอนหรือหลอกขู่มนุษย์ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

จนกระทั่งนบีมุฮัมมัดนำอิสลามมาเผยแผ่ในหมู่ชาวอาหรับ ความรู้ในเรื่องสิ่งเร้นลับจึงได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน  ในคัมภีร์กุรอานและคำสอนของนบีมุฮัมมัด ชาวอาหรับได้รับข้อมูลเรื่องสิ่งเร้นลับดังนี้

ทูตสวรรค์(มลาอิก๊ะฮฺ)เป็นสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาจากแสงสว่างเพื่อทำหน้าที่รับใช้พระเจ้าในกิจการต่างๆที่พระองค์ทรงกำหนดให้  เช่น การนำวจนะของพระเจ้ามาให้นบีไปเผยแผ่สั่งสอน มลาอิก๊ะฮฺบางองค์มีหน้าที่เอาวิญญาณของมนุษย์ บางองค์ทำหน้าที่สอบสวนมนุษย์ในหลุมฝังศพ บางองค์เฝ้าประตูนรกและสวรรค์ เป็นต้น มลาอิก๊ะฮฺไม่กินไม่ดื่ม ไม่มีความต้องการทางเพศและไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า

ชาวคริสเตียนก็มีความเชื่อในเรื่องนี้และได้วาดภาพทูตสวรรค์ขึ้นมาตามจินตนาการของตน แต่ในอิสลามห้ามวาด เพราะมลาอิก๊ะฮฺเป็นสิ่งที่ไม่มีมนุษย์คนใดมองเห็น

ส่วนญินเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างมาจากไฟ มนุษย์จึงมองไม่เห็นญิน แต่ญินมองเห็นมนุษย์ ญินเป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้เหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งดีและชั่ว ญินมีทั้งที่ศรัทธาและไม่ศรัทธาในพระเจ้า ญินชั่วถูกเรียกว่าชัยฏอน  ญินมีทั้งตัวเมียและตัวผู้ ญินจึงมีการขยายเผ่าพันธุ์บนโลกใบนี้ อาหารหลักของญิน คือถ่านและกระดูกสัตว์  ญินอาศัยอยู่ตามที่รกร้าง ตามป่าเขา ในรูหรือโพรง นี่คือเหตุผลที่นบีมุฮัมมัดห้ามมุสลิมปัสสาวะลงไปในรูหรือโพรง เพราะอาจทำให้ญินโกรธและทำร้ายมนุษย์ ญินสามารถเข้าสิงร่างมนุษย์ให้แสดงอิทธิฤทธิ์บางอย่างเพื่อให้คนที่เห็นเกรงกลัวและเซ่นไหว้บูชามัน

สำหรับวิญญาณเป็นสิ่งเร้นลับที่มนุษย์เชื่อว่ามีและรู้ว่าถ้าปราศจากวิญญาณ มนุษย์ก็ไม่มีชีวิต แต่เรื่องวิญญาณพระเจ้าไม่ให้ความรู้แก่มนุษย์ว่าสร้างมาจากอะไร แม้นักวิทยาศาสตร์จะพยายามหาข้อสรุป แต่จนทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะแม้แต่นบีมุฮัมมัดเองก็ยังไม่ได้รับความรู้เรื่องวิญญาณ ท่านเพียงแต่บอกว่าระหว่างที่มนุษย์มีวิญญาณอยู่ในร่าง หน้าที่ของมนุษย์คือการรักษาวิญญาณให้สะอาดผ่องแผ้วก่อนวิญญาณจะออกจากร่าง

คนมุสลิมรู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างวิญญาณกับญิน ในส่วนของญินนั้น ถึงแม้มันจะแสดงอิทธิฤทธิ์อย่างไรก็ตาม มุสลิมจะไม่เซ่นไหว้บูชามัน แต่คนมุสลิมจะขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าตามที่นบีมุฮัมมัดสอนไว้ เพราะพระเจ้าให้อนุญาตมันหลอกลวงมนุษย์ตามที่มันขอไว้ แต่พระองค์ไม่ให้อำนาจแก่มันในการบังคับมนุษย์ให้หลงเชื่อมัน


You must be logged in to post a comment Login