วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บ้านเมืองเล่นชักเย่อ

On April 21, 2021

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 21 เม.ย. 64)

บัดนี้ระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนต้องเรียกกันว่า สวนทางกันอย่างครั้งยิ่งใหญ่ก็ว่าได้ เมื่อรัฐบาลประกาศเข้มงวดต่อการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเราเห็นว่า บางแห่ง บางที่ เช่น จังหวัดสกลนคร เรียกว่า เหมือนจังหวัดกระสุนตก เพราะเนื่องจากมีร้องเล่น เต้นรำ สนุกสนานกันหัวหกก้นขวิด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา จนผู้ใหญ่ในจังหวัดต้องออกมาขอโทษ ขอโพย ไม่รู้ว่า จะไปโวยกับใครดี เลยต้องขอโทษ ขอโพยกับประชาชนว่า เราจะพยายามไม่ทำอย่างนี้ต่อไปอีก 

แต่รัฐบาลก็ต้องทำ ต้องออกมาตรการที่เข้มงวด ไม่ทำ ก็กลัวว่า จะลามหนักขึ้นไปอีก เพราะหลังจากเทศกาลสงกรานต์เราไม่รู้ว่า จะเพิ่มปริมาณผู้ติดเชื้อเจ้าโควิดขึ้นมาอีกเท่าไร แต่ที่เสียหายที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจที่ภาคเอกชนประเมินความเสียหาย ถ้าเจ้าโควิดระลอก 3 ลุกลามบานปลาย จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศถึง 3 แสนล้านบาท  คิดเหมือนกับสมัยน้ำท่วมปี 2564 ซึ่งเราก็ได้รับความเสียหาย 3-4 แสนล้านบาท คราวนี้เจ้าโควิดท่วมบ้าน ท่วมเมือง จะแกล้งเรียกโควิดรัฐมนตรีอะไรก็แล้วแต่ 

แต่ว่า มันหนักหนาสาหัส ตอนนี้เชื่อว่า เย่อกันสุดแรง ฝ่ายหอการค้า นักธุรกิจภาคเอกชนจะถึงขั้นชนกับรัฐบาลหรือไม่ แต่ไม่น่าจะชนกัน คงโอนอ่อนผ่อนปรนกันไป แต่ว่า ทางฝ่ายเอกชนเขาบอกว่า จะหมดเนื้อ หมดตัวกันแล้ว ก็ขอให้ผ่อนคลายกันหน่อย แต่บางฝ่ายมองว่า ถ้ามีการผ่อนคลายมันปัญหาเจ้าโควิดก็จะบานปลาย ขยายวง ซึ่งขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นมาในแต่ละวันจนถึงหลักพัน มันไม่ใช่ธรรมดาแล้ว เมื่อก่อนนี้เราถือว่า ขึ้น 10 – 20 คนก็น่าตกใจ 

แต่ขณะนี้ตัวเลขขึ้นเป็นร้อย เป็นพัน ในแต่ละวันไปแล้ว ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตถึงแม้ว่า อาจจะยังไม่มาก แต่ก็เป็นปัญหาระหว่างความวิตกกังวล รัฐก็กังวลเรื่องหนึ่ง ภาคเอกชน ประชาชนก็กังวลเรื่องหนึ่ง อย่างตอนเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ก็กังวลจะมีเที่ยว พอเที่ยวสนุกออกเล่น เต้นรำ ก็กังวล จนมีการแจ้งความจะดำเนินคดี เรื่องนี้คิดแล้วก็หนักใจ ร่อแร่ แย่ๆไปตามๆกัน คำว่า ร่อแร่ แย่ เนี่ย ตอนนี้มันก็หลายเรื่องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง อดหารประท้วงอะไรก็ตามที่เราก็ไม่รู้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งเขาบอกว่า เย่อกัน 

เรื่องเย่อกัน เวลานี้มันมีหลายจุดให้เห็น ฝ่ายสนับสนุนกับฝ่ายคัดค้าน อีกฝ่ายหนึ่ง บอกว่า พอแล้วๆ พูดถึงเรื่องอดต่อ เรามานั่งนึกถึงมหาตมะ คานธี อดพักหนึ่ง อังกฤษก็ยอม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณฉลาด วรฉัตร และใครต่อใครหลายคนก็อดอาหารจนสุขภาพไม่ไหว ก็เลิกรากันไป แต่น้องเพนกวิน กับน้องรุ้ง  3 – 4 คนนี่ ไม่รู้ว่า จะไปจบลงตรงไหน ใจจริงอาตมาเองอยากจะขอบิณฑบาตน้องๆว่า ลองเปลี่ยนแนวรบกันหน่อยได้มั้ย 

เรียกว่า จากสู้มาเป็นสร้าง เรามาสร้างอะไรให้ชาติบ้านเมือง สู้เรื่องคดี สู้เรื่องความเป็นธรรมประเทศไทยไม่ใช่ง่าย กฎหมายมันแปลกๆ คนก็ไม่รู้ล่ะ อย่างที่ดินที่ควรจะรักษาอนุรักษ์ไว้ กฎหมายห้ามออกโฉนด แต่เขาก็ออกได้ ป่าเขาอุทยานมีข่าวอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งของอาตมาเองก็ไม่รู้เมื่อไรจะได้รับความเป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรม เป็นธรรมของใคร ถ้าเป็นธรรมของเรา ทางโน้นก็บอกว่า ไม่เป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมของทางโน้น เราก็จ่ายเงินไปแล้ว เราก็รู้สึกว่า ไม่เป็นธรรม 

ตอนนี้มันเย่อกัน ไม่รู้ว่า ความเป็นธรรมของใครก็เป็นอยู่อย่างนี้ สงสารพ่อแม่ เชื่อว่า พ่อแม่ช่วงแรกอาจจะเห็นด้วยขอให้ตามทีแรก แต่มาหลังๆก็คงต้องห่วงลูกเหมือนกัน เพราะถ้าลูกจากไปตอนนี้ มันก็เหมือนกับชีวิตนี้มันเป็นแผลลึก ตอนนี้มันจุดเย่อกันหลายเย่อ เย่อความเป็นธรรม นี่ชัดทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไม่รู้ล่ะ ใครมีหัวหมอทางกฎหมาย เขาก็เย่อกันไป เย่อกันจนกระทั่งมองดูแล้วมันก็เห็นแล้วล่ะว่า ถ่วงบ้าง เย่อบ้าง 

โดยเฉพาะเย่อกันในเรื่องอำนาจ ตรงนี้น่ากลัวมาก มีอำนาจแล้วก็อยากจะเย่อให้ยาวต่อไปอีก ยืดต่อไปอีก อีกฝ่ายหนึ่งก็อยากเย่อให้ออกไปสักที ขับไล่ไสส่งกันไป เวลานี้บ้านเมืองเราเหมือนเล่นชักเย่อกันน่ะ ส่วนรัฐบาลกับทางนักธุรกิจเย่อกันน่าดูแน่นอน ยังไงคู่รัก คู่ครองทั้งหลายก็อย่าให้เย่อกันไปโรงพยาบาลคนหนึ่ง ตายคนหนึ่ง ติดคุกคนหนึ่งอะไรกันอย่างนี้ ให้เป็นครอบครัวล้ำเลิศ ครอบครัวประเสริฐสุด ครอบครัวสมบูรณ์แบบ 

เรียกว่า ผ่อนได้ผ่อน เดินได้เดิน สู้ได้สู้ สร้างได้สร้าง ก็อยากจะให้ประเทสไทยสู้ๆ สร้างๆกันหน่อย ไม่ใช่สู้กันตายหมด อย่างพม่านี่ไม่รู้ว่า สู้แล้วหมอก็ตาย ประชาชนบริสุทธิ์ก็ตาย เราก็ขอให้เลียนแบบมหาตมะ คานธี บ้าง ท่านสู้ แต่ท่านอยู่น่ะ มาโดนยิงตายอีก ยังไงก็ขอให้อยู่ดูความสำเร็จของประเทศไทยที่น้องๆได้ต่อสู้มาก็ถือว่า ได้สำเร็จ สะเทือนวงการผู้ใหญ่ที่อยู่ในอำนาจพอสมควรแล้วล่ะ 

สู้แล้วมาสร้าง พระพุทธเจ้า อดสู้กับกิเลศไม่ไหวเกือบจะไปไม่รอด สรีระสังขารทรุดโทรมหนัก จนเอามือลูบหน้าท้องก็แตะกระดูกสันหลังแล้ว ตอนนั้น พระองค์ทรงทรมานอดข้าว อดน้ำ ต่อมาก็ต้องเสวยแล้วได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า สร้างโพธิญาณ โดยให้ร่างกายมันเป็นวิหารแห่งโพธิญาณ ตรัสรู้ให้ได้ ไม่ใช่ไม่มีวิหารทางร่างกาย โพธิญาณจะมาอุบัติตรงไหนล่ะ ดังนั้น ความรู้ ความฉลาด ความสามารถ ขอให้น้องๆ ที่อดข้าวนึกถึงพระพุทธเจ้า อดก็ไม่ได้ตรัสรู้ ท่านก็กลับมาเสวย น้องๆถ้าอดแล้วไม่ได้ดูความสำเร็จของบ้านเมืองในอนาคตข้างหน้าก็ลองคิดให้ดีน่ะ อาตมาขอย้ำอีกครั้งว่า ขอบิณบาตรชีวิตก็แล้วกัน ส่วนอุดมการณ์แล้วแต่น้องน่ะ 

เจริญพร 


You must be logged in to post a comment Login