วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” นี่กำลังขายชาติกันอยู่หรือ

On May 5, 2021

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย             

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 7-14 พ.ค.64 )

มีข่าวว่า “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและ รมว.พลังงาน จะมีนโยบายเปิดประเทศดึงกำลังซื้อต่างชาติเข้ามาช็อปอสังหาฯเมืองไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในแพ็กเกจเตรียมความพร้อมเปิดประเทศในปี 2565 โดยขยายโควตาต่างชาติให้สามารถซื้อคอนโดมิเนียมได้เกิน 49% เปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรได้ด้วย ขยายสิทธิการเช่าเกิน 30 ปี โดยให้มีกรอบเวลาสั้น ๆ เพียง 3-5 ปี ทั้งนี้มีข้ออ้างว่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำควบคู่กับล้างปมนอมินีที่ฝังรากหยั่งลึกในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานาน

ดร.โสภณ พรโชคชัย ขอถาม “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” ว่านี่กำลังขายชาติกันอยู่หรือเปล่า  ในฐานะที่ ดร.โสภณ มีความรอบรู้จริงในวงการอสังหาริมทรัพย์สากล โดยเป็นนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI-Thai) ที่มีสมาคมอยู่ทั่วโลก 70 ประเทศ และเคยเป็นที่ปรึกษากระทรวงการคลังหลายประเทศ รวมทั้งเคยทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ให้กับหน่วยงานสหประชาชาติหลายแห่งทั้ง UNCHS UNESCAP ILO FAO World Bank รวมทั้ง ADB  ดร.โสภณ จึงขอโต้เพื่อดึงสติผู้บริหารประเทศไทย ดังนี้:

1. มีบางคนบอกว่า “ศขอ.คอนเฟิร์มดีมานด์ต่างชาติเพียบ” ดร.โสภณ ขอถามว่าคุณไปเอาข้อมูลมาจากไหน มีต่างชาติเคยเรียกร้องเสียที่ไหน ส่วนที่มีต่างชาติซื้อทางอ้อมในรูปแบบนอมินี ซึ่งถือเป็นขายชาตินั้น ต้องปราบปราม ไมใช่เลยทำให้ถูกกฎหมาย เพราะนี่คือการขายชาติเอาตัวเองรอด

2. ที่บอกว่าถ้าให้ต่างชาติซื้อ จะเรียกเก็บภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีที่ไหน ไทยเคยคิดหรือไม่ว่าถ้าให้ต่างชาติซื้อจะให้เสียภาษีซื้อ 20-30% อย่างสิงคโปร์และฮ่องกง ยิ่งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยิ่งไม่มีการเสีย เพราะกำหนดไว้ที่ 50 ล้านบาท  ส่วนภาษีมรดกก็เป็นภาษีที่มีในกฎหมาย แต่ไม่มีการเก็บจริง เพราะช่องโหว่มากมาย  การเอื้อคนรวยๆ ในไทย ทำให้ต่างชาติมาซื้อโดยประเทศชาติเสียเปรียบ

3. ที่มีผู้เสนอส่งเดชว่าให้จัดโซนนิ่งให้ต่างชาติซื้อในบางทำเลของกรุงเทพมหานครและในภูมิภาคอีอีซีนั้น ผู้เสนอคงไม่รู้จริงว่าต่างชาติซื้อห้องชุดแทบทุกทำเลของกรุงเทพมหานครและในเมืองหลักต่างๆ ของไทยอยู่แล้ว และทำให้ราคาบ้านและห้องชุดเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำเช่นในมาเลเซียและอินโดนีเซีย

4. ที่มีบางท่านเสนอว่าให้ “ระยอง (หรือทุกจังหวัด) ชงจำกัดโควตาจังหวัดละ 10%” ในความเป็นจริงก็คือผู้พูดก็ไม่มีข้อมูลแท้ๆ และในพื้นที่ท่องเที่ยวเช่น  พัทยา อาจมีคนต่างชาติครอบครองห้องชุดเป็นจำนวนมาก หลายแห่งประชุมนิติบุคคลอาคารชุดกันเป็นภาษาต่างประเทศด้วยซ้ำไป

5. ที่ผ่านมาต่างชาติไม่ได้ซื้อบ้านเป็นหลัง แต่นำเงินเข้ามาจดทะเบียนบริษัท ซื้อที่ดินแปลงใหญ่ 20-30 ไร่ การก่อสร้างบางครั้งใช้ผู้รับเหมาไทย แต่บางทีก็ใช้ผู้รับเหมาจีนไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นวัสดุก่อสร้างนำเข้าจากประเทศจีนเกือบทั้งหมด ทำให้ไม่เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในระบบ แรงงานก็เป็นแรงงานต่างด้าว  เรื่องแบบนี้รัฐไทยอ่อนแอจนทำอะไรไม่ได้เลยหรือ หรือต้องแก้กฎหมายให้สิ่งผิดกฎหมายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย

ดร.โสภณ ให้ข้อมูลที่แท้จริงว่า ในยามวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 รัฐบาลสมัยนั้นก็มีมาตรการให้ต่างชาติซื้อห้องชุด 100% ในช่วงปี 2542-5 แต่ปรากฏว่ามีต่างชาติมาซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพียง 5,465 ล้านบาท หรือประมาณ 1.2% ของอาคารชุดทั้งหมด  จนสุดท้ายเมื่อปี 2547 จึงยกเลิกมาตรการนี้ เหลือให้ต่างชาติซื้อห้องชุดได้ 49% ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ราคาไม่ขึ้น ต่างชาติไม่เห็นลู่ทางการทำกำไร จึงไม่ได้มาซื้อบ้านและห้องชุดตามที่คาดหวัง

อันที่จริง รัฐบาลควรที่จะถามผู้รู้จากทุกภาคส่วน ไม่ใช่ถามแต่พวกข้าราชการแบบ “ขุนพลอยพยัก” หรือพวกนายทุนขายบ้านอย่างเดียว  ในวงการนี้ เรายังมีนายหน้า ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน ผู้บริหารทรัพย์สิน บริษัทรับสร้างบ้าน สถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ฯลฯ ไทยเรามีสมาคมที่เกี่ยวข้องรวมแล้วประมาณ 50 สมาคม รัฐบาลไม่พึงฟังแต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการขายบ้านเท่านั้น

แก้ไม่ดีจะเป็นการขายชาติไปชัดๆ


You must be logged in to post a comment Login