- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ใครว่าศาสนาล้าสมัย
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 14-21 พ.ค. 64)
ในอดีต ชาวอาหรับถูกจัดว่าเป็นคนป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม มีนิสัยหุนหันพลันแล่น เชื่อในโชคลางไสยศาสตร์ นับถือพ่อมดหมอผี กราบไหว้บูชารูปเคารพมากมาย กินซากสัตว์และชอบชีวิตผจญภัย
ก่อนสมัยนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม ชาวยิวและชาวคริสเตียนที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในแผ่นดินอาหรับได้เผยแผ่ศาสนาของตนในหมู่ชาวอาหรับและพยายามดึงชาวอาหรับมานับถือศาสนาของตน แม้จะใช้เวลานานนับร้อยปีและทรัพยากรมากมาย แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงชาวอาหรับ
จนกระทั่งเมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มนำคำสอนอิสลามมาเผยแผ่ในหมู่ชาวอาหรับ เพียงเวลา 23 ปี นบีมุฮัมมัดได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของชาวอาหรับอย่างพลิกฝ่ามือ หลังสมัยนบีมุฮัมมัด คัมภีร์กุรอานที่นบีมุฮัมมัดทิ้งไว้และจริยวัตรของท่านได้ถูกชาวอาหรับนำมาศึกษาและปฏิบัติจนชาวอาหรับได้กลายเป็นชนชาติที่สร้างอู่อารยธรรมอิสลามขึ้นมาบนโลกนานนับพันปี
สิ่งสำคัญที่ทำให้ชาวอาหรับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วคือคำสอนเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว ความเชื่อในเรื่องการฟื้นคืนชีพในโลกหลังความตายและการปฏิบัติตามจริยวัตรของนบีมุฮัมมัด
คำสอนสำคัญสามประการนี้คือรากฐานของอิสลาม ถ้าเชื่อในพระเจ้าและต้องการได้รับสิ่งตอบแทนที่ดีในโลกหน้า สิ่งที่ต้องทำก็คือการเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่นบีมุฮัมมัดนำมาสั่งสอน และสิ่งที่นบีมุฮัมมัดนำมาสอนเป็นเรื่องไม่ยุ่งยาก กินกับปัญญาและง่ายต่อการปฏิบัติ และเมื่อปฏิบัติแล้วเกิดผลดีแก่ตัวเอง
คำสอนเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวเป็นคำสอนที่อยู่ตรงกลางระหว่างความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายกับความไม่เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าซึ่งขัดกับเหตุผลและไม่กินกับสติปัญญา
เมื่อศรัทธาในพระเจ้าแล้ว ความเชื่อในเรื่องการฟื้นคืนชีพในโลกหน้าก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ ตัวอย่างเปรียบเทียบในคัมภีร์กุรอานที่กล่าวว่าครรภ์มารดาก็เป็นเหมือนโลกใบหนึ่งที่มนุษย์อยู่ในนั้นแค่เก้าเดือนก็ต้องออกมาสู่โลกนี้ และเมื่อหมดลมหายใจ วิญญาณของมนุษย์ก็จะคลอดอีกครั้งหนึ่งในโลกหน้าที่มนุษย์มองไม่เห็นเหมือนกับตอนที่มนุษย์อยู่ในครรภ์มารดาและมองไม่เห็นโลกนี้ว่ามีสิ่งดีๆมากกว่าในครรภ์
ภาพนรกและสวรรค์ที่คัมภีร์กุรอานนำมาสาธยาย ทำให้ชาวอาหรับเกรงกลัวการถูกลงโทษในนรกและอยากมีชีวิตที่ดีในสวรรค์ แต่การจะไปพบชีวิตที่ดีงามได้ ชาวอาหรับต้องการแนวทางจากนบีมุฮัมมัด เพราะคัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ชัดเจนว่า “ในตัวของนบีมุฮัมมัดมีแบบอย่างที่ดีงามสำหรับผู้ที่หวังจะพบกับพระเจ้าและระลึกถึงพระองค์มากๆ”
ด้วยคำสอนดังกล่าวนี้ สาวกของนบีมุฮัมมัดจึงเฝ้าจับตามองและคอยฟังว่านบีมุฮัมมัดปฏิบัติตนอย่างไรและสอนอะไรก็จะนำมาปฏิบัติตาม เพื่อจะไปรับรางวัลตอบแทนจากพระเจ้า
นบีมุฮัมมัดทำความสะอาดร่างกายส่วนที่ไม่ถูกเสื้อผ้าปกปิดทุกครั้งก่อนละหมาด สาวกชาวอาหรับทำตาม นบีมุฮัมมัดละหมาดอย่างไร สาวกทำตามนรั้น ก่อนกินอาหาร นบีมุฮัมมัดจะล้างมือทุกครั้ง สาวกจะทำตาม นบีมุฮัมมัดกินอาหารเกลี้ยงจาน สาวกก็ทำตาม เหตุผลของการทำตามมิใช่เพราะเรื่องสุขอนามัย แต่เพื่อต้องการได้รับผลบุญตอบแทนจากพระเจ้าในโลกหน้า เพราะการทำตามนบีมุฮัมมัดคือการทำตามคำสั่งของพระเจ้า ส่วนเรื่องสุขอนามัยจากความสะอาดเป็นเพียงผลพลอยได้ในชีวิตโลกนี้
ไม่เพียงเท่านั้น นบีมุฮัมมัดยังได้เอากิจวัตรในชีวิตประจำวันไปผูกโยงไว้กับความศรัทธาในพระเจ้าอีกด้วยเพื่อให้มนุษย์มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าในทุกกิจกรรมของชีวิต เช่น ทุกครั้งก่อนกินข้าวกินน้ำหรือกระทำสิ่งดี นบีมุฮัมมัดได้สอนให้มุสลิมกล่าวพระนามของพระเจ้าเพื่อให้การกระทำนั้นเป็นการแสดงความเคารพนับถือพระเจ้าซึ่งทำให้มุสลิมเก็บเกี่ยวผลบุญได้ตลอดเวลาในการใช้ชีวิตประจำวัน
จริยวัตรของนบีมุฮัมมัดที่เป็นวิถีชีวิตของผู้ศรัทธาในพระเจ้า ทำให้มุสลิมต้องล้างมือล้างหน้า ล้างปากล้างจมูก ล้างแขนล้างขาวันละห้าเวลาก่อนการละหมาด ล้างมือก่อนกินข้าวแม้จะใช้ช้อนกินก็ตาม
วิถีชีวิตอิสาลามจึงสอดคล้องกับทุกสถานการณ์ของโลกในทุกยุคสมัย
You must be logged in to post a comment Login