- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
พระเยซูกับลูกหลานอิสราเอล
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 16-23 ก.ค. 64)
เมื่อเศคารียาห์และยะฮ์ยาจากโลกนี้ไป พระเยซู(นบีอีซา)ผู้มีชีวิตร่วมสมัยกับสองพ่อลูกที่เป็นนบีได้สั่งสอนผู้คนโดยเฉพาะพวกลูกหลานอิสราเอลให้ทำความดีและละทิ้งความชั่วต่อจากนบีทั้งสอง
ยะฮ์ยาหรือที่ชาวคริสเตียนเรียกว่ายอห์น แบพติสต์มีกำเนิดอย่างมหัศจรรย์ในสายตาของผู้คนเวลานั้น เพราะยะฮ์ยาเกิดในเวลาที่เศคาริยาห์พ่อของเขาแก่หง่อมแล้วและแม่ของเขาก็เป็นหมัน แต่ด้วยอำนาจของพระเจ้า ยะฮ์ยาได้คลอดออกมาตามที่ทูตสวรรค์ได้แจ้งข่าวดีแก่เศคารียาห์ไว้ก่อนแล้ว
แต่พระเยซูมีกำเนิดที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าของยะฮ์ยา เพราะพระเยซูเกิดจากนางมารีย์สาวบริสุทธิ์ที่อุทิศตนอธิษฐานต่อพระเจ้าในห้องเล็กๆของมหาวิหารในเยรูซาเล็มโดยที่ไม่มีชายใดแตะต้องตัวนาง
คัมภีร์กุรอานเล่าว่ามารีย์ตกใจมากเมื่อทูตสวรรค์มาบอกว่าเธอจะมีบุตรคนหนึ่งชื่ออีซา(เยซัส)เพื่อเป็นสัญญาณจากพระเจ้า เธอจึงย้อนถามด้วยความสงสัยว่าเธอจะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อไม่มีชายใดแตะต้องเธอ ทูตสวรรค์ได้ยืนยันว่าพระเจ้าทรงมีอำนาจที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์
ไม่นานหลังจากนั้น เธอได้ตั้งครรภ์ที่สร้างความเจ็บปวดทรมานใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก เพราะเธอจะต้องถูกประณามจากผู้คนว่าทำผิดประเวณีซึ่งถือเป็นบาปใหญ่ที่มีโทษหนัก
ลองคิดดูแล้วกันว่าหญิงสาวบริสุทธิ์และรักนวลสงวนตัวต้องเจ็บปวดเพียงใดที่ตั้งครรภ์ขึ้นมาโดยทารกในท้องไม่มีพ่อ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมนบีมุฮัมมัดถึงได้กล่าวว่ามารีย์(หรือมัรฺยัม)จะเป็นหนึ่งในหญิงสาวชาวสวรรค์เพราะเธอได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือให้พระเจ้าในการส่งพระเยซูมาเกิดเพื่อแสดงถึงอำนาจของพระองค์และส่งสัญญาณถึงพวกลูกหลานอิสราเอล
เมื่อใกล้คลอด เธอได้ออกจากวิหารไปยังเมืองนาซาเร็ธบ้านเกิดเมืองนอนของเธอและนั่งพักอยู่ใต้ต้นอินทผลัมต้นหนึ่ง หัวใจของเธอตอนนั้นรู้สึกปวดร้าวจนเธออยากจะตายกลายเป็นดินไปเสียดีกว่า แต่ทูตสวรรค์ได้มาหาเธอและบอกเธอว่าพระเจ้าได้ประทานน้ำจากลำธารข้างล่างไว้ให้เธอแล้วและให้เธอเขย่าลำต้นอินทผลัมซึ่งจะทำให้ผลของมันหล่นลงมาเป็นอาหารประทังชีวิต
อินทผลัมออกผลในฤดูร้อนซึ่งอยู่ในราวเดือนกรกฎาคมไม่ว่าจะปลูกที่ไหนในโลก ดังนั้น พระเยซูจึงไม่ได้เกิดในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม
เมื่อคลอดทารกเยซูมาแล้ว เธอต้องกลับบ้าน แต่เธอจะตอบผู้คนอย่างไรถ้าเธอถูกถาม ทันใด เธอได้ยินเสียงทารกน้อยกล่าวว่า “แม่บอกพวกเขาไปว่าแม่ถือศีลอดงดพูดกับใครเพื่อพระเจ้า” พอได้ยินเช่นนั้น เธอจึงเกิดความมั่นใจว่าทารกของนางเป็นสัญญาณจากพระเจ้าจริงๆ
เมื่อเธอกลับเข้ามายังหมู่บ้าน ผู้คนได้ถามเธอถึงเรื่องทารก เธอจึงเอามือชี้ไปยังทารกเพื่อบอกว่าอยากรู้อะไรก็ถามทารกเอาเอง ผู้คนจึงถามเธอว่า “จะให้พวกเราพูดกับทารกที่นอนแบเบาะได้อย่างไร?”
มาถึงตรงนี้ คัมภีร์กุรอานเล่าว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ยินเสียงตอบจากทารกเยซูว่า “ฉันเป็นบ่าวของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ฉันและทรงแต่งตั้งฉันให้เป็นนบี และพระองค์ทรงทำให้ฉันเป็นที่ได้รับความจำเริญไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ใด พระองค์ได้ทรงสั่งฉันให้ละหมาดและจ่ายซะกาตตราบใดที่ฉันยังมีชีวิต และพระองค์ได้ทรงให้ฉันปฏิบัติรับใช้แม่ของฉัน และมิได้ทรงทำให้ฉันเป็นผู้ก้าวร้าวและจิตใจแข็งกระด้าง สันติได้มีแก่ฉันในวันที่ฉันเกิดและสันติจะมีแก่ฉันในวันที่ฉันตายและวันที่ฉันถูกทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง”
การพูดของพระเยซูในขณะที่เป็นทารกเป็นปาฏิหาริย์เพื่อส่งสัญญาณให้พวกลูกหลานอิสราเอลมีเวลาสำนึกผิดหลังจากที่พวกเขาสังหารเศคาริยาห์และยะฮ์ยาไปก่อนหน้านี้
พระเยซูเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มหน้าตาดี มีความสุภาพนอบน้อมถ่อมตน มีความเมตตาช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก จึงเป็นที่รักใคร่ของผู้คน ไม่เพียงเท่านั้น พระเจ้ายังได้ประทานอำนาจพิเศษให้ในการรักษาคนตาบอดให้กลับมามองเห็น รักษาคนเป็นโรคเรื้อนให้หาย ขณะเดียวกัน พระเยซูได้วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มนักบวชที่หากินกับผู้คนด้วยการหลอกลวงต่างๆทางด้านความเชื่อ
เมื่อผู้คนหันมาล้อมรอบพระเยซูมากขึ้น พวกนักบวชก็เริ่มรู้สึกว่าสถานะของตัวเองกำลังสั่นคลอน วันหนึ่งเป็นวันสะบาโต(วันหยุดงาน) พระเยซูได้รักษาคนพิการที่เดินไม่ได้มา 38 ปี เพียงพระเยซูบอกชายพิการคนนั้นให้เดินไปเอาเสื่อมา ชายคนนั้นได้ลุกขึ้นยืนและเดินไปแบกเสื่อมาเหมือนไม่เคยป่วยมาก่อน เมื่อพวกธรรมาจารย์ฟาริซีย์เห็นเช่นนั้น จึงบอกชายคนนั้นว่าวันนี้เป็นวันสะบาโต ไม่อนุญาตให้แบกเสื่อ
แต่วันนั้น พระเยซูยังคงทำงานรักษาผู้คนอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อพวกฟาริซีย์เข้ามาห้าม พระเยซูได้ตอบว่า “พระบิดาของฉันกำลังทำงานและฉันก็กำลังทำงาน”
เราได้รับคำบอกเล่าว่านี่คือเหตุผลที่ชาวยิวหาทางสังหารพระเยซูเพราะไม่เพียงแต่ท่านละเมิดกฎวันสะบาโตที่ชาวยิวนับถือเท่านั้น แต่ยังเรียกพระเจ้าเป็นพ่อของตัวเองและทำตัวเองเสมอพระเจ้าล
You must be logged in to post a comment Login