- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
นบีมุฮัมมัดกับลูกหลานอิสราเอล
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 30 ก.ค. – 6 ส.ค. 64)
เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มประกาศตนเป็นนบีและเริ่มเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ ท่านถูกต่อต้านอย่างหนักเพราะการเรียกร้องผู้คนให้หันมาเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวทำให้ชนชั้นปกครองและกลุ่มที่มีผลประโยชน์จากการหากินกับพิธีกรรมเซ่นไหว้รูปเคารพรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกท้าทายและเสียผลประโยชน์
เมืองมักก๊ะฮฺไม่ใช่ถิ่นฐานของพวกลูกหลานอิสราเอล นบีมุฮัมมัดจึงไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านี้มากนัก แต่ก็มีพ่อค้าชาวยิวเดินทางมาทำธุรกิจในเมืองบ้างและคนเหล่านี้ได้ยินข่าวเรื่องนบีมุฮัมมัด บางครั้ง จึงใช้คนอาหรับถามปัญหาบางอย่างที่มีอยู่ในคัมภีร์ของชาวยิวเพื่อหยั่งเชิงดูว่ามุฮัมมัดเป็นนบีจริงหรือไม่
ถิ่นฐานของพวกลูกหลานอิสราเอลอยู่ที่เมืองมะดีนะฮฺ เดิมที คนกลุ่มนี้อพยพหลบหนีมาที่นี่เมื่อกรุงเยรูซาเล็มถูกกองทัพไบแซนตินทำลายใน ค.ศ.70 จนแตกกระจายไปยังส่วนต่างๆของโลก ในจำนวนนี้มีสามเผ่าอพยพหลบหนีมาตั้งถิ่นฐานบริเวณชานเมืองมะดีนะฮฺก่อนหน้านบีมุฮัมมัดเกิดหลายร้อยปี
เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ท่านได้พบกับคนเหล่านี้ พระเจ้าจึงสั่งท่าน “และจงอย่าโต้เถียงกับชาวคัมภีร์นอกจากด้วยวิธีการที่ดีที่สุด นอกจากพวกคนชั่วในหมู่พวกเขา” เนื่องจากพวกลูกหลานอิสราเอลเป็นผู้มีความรู้ในคัมภีร์เก่าก่อนหน้านี้และมีความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษของตัวเองที่ได้รับตำแหน่งนบีหลายคน แต่ความภาคภูมิใจนี้ได้ทำให้พวกลูกหลานอิสราเอลฝังใจและหลงตัวเองว่าคนที่จะเป็นนบีต้องเป็นลูกหลานอิสราเอลเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมบางครั้งคัมภีร์กุรอานจึงเรียกพวกลูกหลานอิสราเอลว่าชาวคัมภีร์
มะดีนะฮ(เดิมชื่อ ยัษริบ)เป็นเมืองที่มีความขัดแย้งระหว่างเผ่ามานานและไม่มีศูนย์กลางแห่งอำนาจ พวกลูกหลานอิสราเอลใช้คัมภีร์ของตนเป็นกฎหมายในการตัดสิน ส่วนชาวอาหรับใช้ประเพณีที่สืบเนื่องกันมา เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพไปถึงที่นั่น ชาวอาหรับทั้งหมดมอบให้ท่านเป็นผู้นำและทุกคนให้สัตย์สาบานว่าจะเชื่อฟังการตัดสินของท่าน
แต่เนื่องจากเมืองมะดีนะฮฺมีพวกลูกหลานอิสราเอลอาศัยอยู่ ดังนั้น นบีมุฮัมมัดจึงเรียกพวกลูกหลานอิสราเอลทั้งสามเผ่ามาทำสนธิสัญญาตกลงอยู่ร่วมกันอย่างสงบและให้ทุกคนถือว่ามะดีนะฮฺคือเมืองของทุกคน ดังนั้น หากถูกรุกราน ทุกฝ่ายที่อาศัยอยู่ในเมืองมีหน้าที่ในการป้องกันและรับผิดชอบในความสูญเสียที่เกิดขึ้น ในสนธิสัญญานี้ นบีมุฮัมมัดได้เปิดโอกาสให้พวกลูกหลานอิสราเอลใช้คัมภีร์ของตนเป็นกฎหมายตัดสินถ้าหากคู่กรณีเป็นลูกหลานอิสราเอลด้วยกัน
คัมภีร์กุรอานเรียกพวกลูกหลานอิสราเอลบางครั้งว่าชาวคัมภีร์เพื่อเป็นการให้เกียรติ นบีมุฮัมมัดพยายามบอกคนเหล่านี้ว่าพระเจ้าส่งท่านมาเพื่อนำคำสอนมายืนยันคัมภีร์ก่อนหน้านี้ที่ถูกบิดเบือนไป แต่เมื่อพวกลูกหลานอิสราเอลส่วนใหญ่ปฏิเสธ คัมภีร์กุรอานจึงเรียกคนเหล่านี้ว่า “ยะฮูด” (ยิว) อย่างไรก็ตาม มีชาวคัมภีร์บางคนที่เชื่อนบีมุฮัมมัดและหันมาเข้ารับอิสลามและเป็นมุสลิม
ถึงแม้พวกลูกหลานอิสราเอลไม่ใช่ชนเผ่าอาหรับพื้นเมือง แต่เมื่อชนเผ่าพื้นเมืองมีความขัดแย้งและทำสงครามกัน พวกลูกหลานอิสราเอลจะถูกชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นคู่ขัดแย้งดึงไปร่วมเป็นพันธมิตรซึ่งทำให้ชนเผ่าชาวยิวเป็นศัตรูระหว่างกันเองด้วย
ในตอนเริ่มแรก เผ่ายิวปฏิบัติตามข้อตกลงในสนธิสัญญาอย่างดี แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดและชาวเมืองมะดีนะฮฺหันมารับอิสลามมากขึ้นและมีความเข้มแข็งมากขึ้น หัวหน้าเผ่าชาวยิวได้หันไปสมรู้ร่วมคิดกับชนเผ่าอาหรับในการรุกรานทำสงครามทำลายนบีมุฮัมมัดและมุสลิม แต่เมื่อสงครามจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายรุกราน นบีมุฮัมมัดจึงหันไปปราบเผ่ายิวที่เป็นหอกข้างแคร่และเนรเทศเผ่ายิวออกไปจากแผ่นดินอาหรับ
You must be logged in to post a comment Login