- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 7 hours ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 2 days ago
- อย่าไปอินPosted 5 days ago
- ปีดับคนดังPosted 5 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 6 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
EA ตั้งเป้าขายรถโดยสารไฟฟ้า 500 คัน ภายในสิ้นปีนี้
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มั่นใจ ปลายปีนี้ ยอดขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทะลุเป้า 500 คัน ตอกย้ำศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่ขับเคลื่อน ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมเชื่อว่าหากมีมาตรการสนับสนุนการใช้รถ EV ออกมาในไตรมาส 4 นี้ จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำได้เร็วขึ้น
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้า เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งมอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้าไปแล้ว 77 คัน และกำลังทยอยส่งมอบเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม รวมเป็น 116 คัน โดยมีเป้าการขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ภายในสิ้นปีนี้รวม 500 คัน นอกจากนี้บริษัทฯ มีการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าไว้รองรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเทคโนยี Ultra Fast Charge ที่ทันสมัยที่สุด ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที”
โดยกลุ่ม EA มุ่งดำเนินธุรกิจที่เป็น Green Product ไม่ก่อมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Electric Vehicle) ทั้งรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า และเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย และลดมลพิษอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society)
“หากภาครัฐออกนโยบายมาสนับสนุนการใช้รถ EV มากขึ้น จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามความตกลงปารีส ซึ่งประเทศไทยกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ได้ร้อยละ 20-25 หรือจำนวน 111-139 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573 และจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ในอาเซียน อีกทั้งยังช่วยยกระดับรายได้ของคนไทยให้ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง” นายอมร กล่าวทิ้งท้าย
You must be logged in to post a comment Login