- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 18 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 6 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 7 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
EA ตั้งเป้าขายรถโดยสารไฟฟ้า 500 คัน ภายในสิ้นปีนี้
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2021/10/ea1.jpg)
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มั่นใจ ปลายปีนี้ ยอดขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทะลุเป้า 500 คัน ตอกย้ำศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่ขับเคลื่อน ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมเชื่อว่าหากมีมาตรการสนับสนุนการใช้รถ EV ออกมาในไตรมาส 4 นี้ จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำได้เร็วขึ้น
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้า เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งมอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้าไปแล้ว 77 คัน และกำลังทยอยส่งมอบเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม รวมเป็น 116 คัน โดยมีเป้าการขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ภายในสิ้นปีนี้รวม 500 คัน นอกจากนี้บริษัทฯ มีการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าไว้รองรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเทคโนยี Ultra Fast Charge ที่ทันสมัยที่สุด ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที”
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2021/10/ea3.jpg)
โดยกลุ่ม EA มุ่งดำเนินธุรกิจที่เป็น Green Product ไม่ก่อมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Electric Vehicle) ทั้งรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า และเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย และลดมลพิษอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society)
“หากภาครัฐออกนโยบายมาสนับสนุนการใช้รถ EV มากขึ้น จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามความตกลงปารีส ซึ่งประเทศไทยกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ได้ร้อยละ 20-25 หรือจำนวน 111-139 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573 และจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ในอาเซียน อีกทั้งยังช่วยยกระดับรายได้ของคนไทยให้ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง” นายอมร กล่าวทิ้งท้าย
You must be logged in to post a comment Login