- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 13 hours ago
- อย่าไปอินPosted 4 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 7 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
จบลงด้วยดี
และแล้วเรื่องของ “ลิซ่า Blackpink” หรือ “ลลิษา มโนบาล” ศิลปินเคป๊อปสาวชาวไทย ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ก็มาแรงแซงเรื่องอื่นๆไปได้หลายข่าว โดยเฉพาะการที่คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาประกาศว่า จะดึง “ลิซ่า และ “อันเดรอา โบเซลลี” นักร้องโอเปร่าชื่อดังของโลกชาวอิตาเลียน มาเคาท์ดาวน์ปีใหม่ 2022 ที่ จ.ภูเก็ต พร้อมเตรียมขอคณะรัฐมนตรีจัดงบกลาง 100 ล้านบาท รวมกับเงินจากพันธมิตรภาคเอกชน คาดว่า ใช้ราว 200 ล้านบาท เพื่ออวดโฉมประเทศไทยในฐานะเมืองท่องเที่ยวโลก
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวภูเก็ตแตกออกเป็น 2 ฝ่าย 2 ด้าน ซึ่งด้านเชียร์ สนับสนุน ก็บอกว่า มาเถอะ ทำให้เศรษฐกิจภูเก็ตเจริญดีกว่า ได้กำไรแน่นอนค่าจ้าง 200 ล้านบาท จึงขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งบอกเอาเงิน 200 ล้านบาทนี่ไปพัฒนาประเทศชาติ ไปซื้อวัคซีนโควิดอะไรต่ออะไรฉีดให้ประชาชนจะดีกว่า เพราะเงิน 200 ล้านบาท ไม่ใช่ธรรมดา 10 ล้าน 20 ล้าน ก็ถือว่ามากแล้ว
แต่ยุคนี้โหนกระแสคนดังนี่ยังไงก็มีทุกยุค ทุกสมัย แต่แล้วคงจะเชื่อว่า ราคาคงไม่น่าจะถึงขนาดนี้ ไม่แน่ใจเขามีหัวหน้าวง หรือผู้จัดการวงอะไรหรือเปล่า อย่างที่งานคอนเสิร์ตอะไรต่ออะไรสมัยก่อนเขามี เรียกว่า ราคา 200 ล้านบาท กำลังเป็นปัญหาว่า จะช่วยโปรโมทด้านการท่องเที่ยวหรือว่า จะเอา 200 ล้านบาท ไปทำอย่างอื่น ก็คงต้องติดตามดูว่า จะมาหรือไม่มา ถ้า “ลิซ่า” มาแล้ว ฝ่ายที่บอกมากไปๆจะทำยังไง
ส่วนฝ่ายที่ไม่เป็นไร ได้กำไรแน่ ถ้ามาก็คงจะมองแล้วท่าทางจะเป็นได้ทั้ง 2 ฝ่าย คงไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออกน่ะ อย่างไรก็ตามล่าสุดทาง ค่าย YG Entertainment ต้นสังกัดสาว “ลิซ่า Blackpink” ออกเอกสารประกาศระบุว่า ลิซ่า ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ประเทศไทยได้ เพราะด้วยตารางที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ทางบริษัทฯ จึงเรียนแจ้งเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ขอขอบคุณที่ติดตามผลงานของศิลปินเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดถึงเรื่องนี้ว่า ยอมรับว่าเสียใจและผิดหวังเหมือนกัน แต่ก็เห็นใจเพราะเป็นเรื่องธุรกิจ คนเตรียมจองมาดูเยอะ เพราะกำลังฮิต ถ้าไม่ฮิตคนเขาก็คงไม่จอง แต่ทั้งนี้ เขาติดภารกิจล่วงหน้า ซึ่งได้มีการประสานกันมาโดยตลอด ก็ไม่เป็นไร ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งในส่วนรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ให้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่า อันไหนที่จัดได้ เราก็จะจัด
พล.อ.ประยุทธ์ บอกอีกว่า ในส่วนของต่างประเทศ เราก็จะจัดต่อไป แต่ต้องหาคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก หรือคนที่เป็นสัญลักษณ์ เพราะต้องการให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาในส่วนที่เหลือ ตนได้ให้นโยบายว่าให้มีการแสดง 5 ภาคเข้าไปด้วยที่เป็นวัฒนธรรม วันนี้เรามีศักยภาพในเรื่องของวัฒนธรรม จึงต้องนำพาประเทศไปในด้านนี้ ทั้งวัฒนธรรม พหุวัฒนธรรม และศิลปะวัฒนธรรมของเราที่มีมากมาย ซึ่งคนเขาก็ยอมรับเราอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมหารือกันอยู่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเรียกว่า 200 ล้าน หรือ 100 ล้าน ก็ไม่ต้องเสียเมื่อ “ลิซ่า Blackpink” มาเมืองไทยไม่ได้ เพราะว่าติดงานแล้ว ก็เป็นอันว่า ไม่ต้องเสีย 200 ล้านบาท จะใช้ดารานักร้องคนอื่น รวมทั้งจะจัดงานแสดงวัฒนธรรม 5 ภาค ก็ต้องเรียกกันว่า จบลงด้วยดี ไม่มีใครไม่พอใจเคียดแค้นชิงชัง เพราะว่า มาก็ได้ ไม่มาก็ได้ เขารับได้ทั้ง 2 อย่าง เราหาใครที่อยู่ในเมืองไทย ไม่ต้องเสียไปเป็นร้อยๆล้าน
เมื่อไม่เสียแล้ว เราก็ทำได้ ไม่ใช่ขาด “ลิซ่า” คนเดียวแล้ว เราจะอยู่กันไม่ได้ การได้เห็น ได้ดู ได้ฟังคนดัง คนเด่นในสังคม ถ้าความนิยมที่จะได้พบ ได้เห็น ได้ดูเขาแสดง ถึงอยู่ฝังใจ คาใจคนไทยต่อไป ดีแล้วที่เราไม่ต้องเสียสตางค์ไปจ่ายค่าสนุกสนาน เราลองมาดูรายจ่ายที่ไม่ต้องจ่ายควรจะเก็บเอาไว้ทำอะไร ทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมืองของเราจะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นว่า เสียดายๆ เงินเป็นร้อยๆล้าน คราวนี้ไม่ต้องมากลุ้ม เพราะเสียดายว่า เราจะอยู่ไม่ไหว อยู่ไม่ได้ เราต้องอยู่ของเราได้ต่อไป
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login