จะจบแบบไหน

• Tweet
• 

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 7 ธ.ค.  64)

และแล้วได้ยินเสียงท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศออกมาว่า จะต้องอยู่ให้ครบเทอม โดยนายกฯ บอกว่า “ผมยังอยู่ในการเป็นรัฐบาลมิใช่หรือ ซึ่งตามกรอบกฎหมายก็เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า จะอยู่จนถึงเดือนมี.ค. 2566 กรอบกฎหมายเค้าเขียนไว้อย่างนั้นไม่ใช่หรือ ผมจะอยู่ไปจนถึงปี 67 ได้หรือไม่ล่ะ เมื่อไม่ได้ก็อยู่ในตำแหน่งได้ถึงปี 66 ถ้าบ้านเมืองสงบสุข เราก็อยู่ให้จนครบวาระไปก็เท่านั้นเอง อย่าไปมีอุบัติเหตุทางการเมืองอะไรขึ้นมาให้มันเกิดความเสียหายอะไรขึ้นมาเลย บ้านเมืองจะได้ไปได้”

นายกฯ บอกว่า “ผมก็ทำอะไรหลายๆอย่างไว้แล้ว ไม่ใช่ทำเพื่อวันนี้ หรือทำเพื่อคะแนนเสียงของผมด้วยซ้ำ ผมทำให้กับประชาชนและประเทศชาติ มีแผนงานในอนาคตไว้เยอะแยะไปหมด ก็ลองไปเปรียบเทียบดูแล้วกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า ความตั้งใจของนายกฯ คือ ต้องการอยู่ให้ครบวาระใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบ แต่ทำเสียงในลำคอ “อืม อึหึ” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถือว่าวันนี้เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ต้องเป็น เพราะเป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ก็เป็นนักการเมือง”

ข่าวบอกว่า ท่านนายกฯ ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ผมยังเป็นทหารอยู่หรือไม่ล่ะ ผมเป็นทหารเกษียณแล้ว ส่วนที่ยังมียศนำหน้าอยู่แล้วจะให้ผมทำอย่างไรจะต้องให้ลดยศลงไปหรือ จะให้ตัดยศหรือ ยศ ที่มีอยู่เป็นยศพระราชทาน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เมื่อยอมรับว่า เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วจำเป็นต้องลงเลือกตั้งในระบบอย่างเช่นลงสมัครในนามปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ค่อยว่ากันในอนาคตเอาไว้ใกล้เลือกตั้งก่อน” เมื่อถามว่าถ้าจะลงสมัครในนามนักการเมืองเต็มตัวจะลงในพื้นที่โคราชหรือไม่ นายกฯ บอกว่า “เลอะเทอะ ก็บอกแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา จะมาถามอะไรวันนี้”

ขณะที่ฝ่ายค้าน โดยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย หยิบยกประเด็นเรื่องที่นายกฯ บอกให้คนมีรายได้น้อยไม่ควรใช้ทางด่วน และปล่อยให้คนมีรายได้สูงเป็นผู้ใช้ทางด่วน จากคำพูดดังกล่าว นอกจากรัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ รัฐบาลกลับทำตัวส่งเสริมความเหลื่อมล้ำจากที่วิกฤตอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก ตรรกะแบบนี้ย้อนแย้ง เหมือนที่บอกว่าจะอยู่ให้ครบเทอม ถ้าอยู่จนครบเทอมแล้วทำอะไรที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์แบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่

แต่เอาล่ะ ต้องติดตามกันดูว่า การที่ท่านนายกฯ จะขออยู่ครบเทอมในมี.ค. 2566 พร้อมกับดักคอว่า อย่าให้มีอุบัติเหตุการเมืองเสียก่อน เรียกว่า ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองอะไรก็น่าจะอยู่ไปได้ แต่ถ้าเกิดมีอุบัติเหตุ เทอมก็อาจจะพลิกคว่ำ พลิกหงาย เหมือนเด็กเปิดเทอมไม่ได้ เดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด เพราะว่า มันมีโรคโควิด-19 เข้ามา เชื่อว่า นายกฯ ก็ต้องมีแรงเสียดทาน ต้องมีแรงเกิดกระทบกระเทือนแบบชนิดที่เรียกกันว่า ภายในก็ได้ ภายนอกก็ได้

ศึกภายใน หรือศึกภายนอก ที่สร้างกระแสกดดัน ทำให้นายกฯต้องหมดเทอมหรือไม่เป็นไปตามคาด คนอยากอยู่ให้ครบเทอมก็แน่นอน ต้องพยายามบอกว่า ต้องให้ตลอดครบเทอม แต่คนที่คอยคิวล่ะ คนที่จ้องจะพยายามจะเลื่อนขึ้นมาบ้าง เพราะเห็นว่า นี่อยู่นานแล้ว จะนานไปแค่ไหน เพราะฉะนั้นก็ต้องหาทางที่จะดิสเครดิตกัน คงไม่มีหรอกที่ว่า ฝ่ายรอคอยจะสนับสนุน เชียร์ จะปกป้องคุ้มครองให้ฝ่ายที่บอกว่า บริหารให้ครบเทอม

ฝ่ายที่จ้องจะบอกว่า พอแล้ว ไปได้แล้ว หมดอายุไขแล้ว นี่ก็เรียกร้องอยู่ข้างขอบเวทีเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้น จะประกาศว่า ให้ครบเทอม จะเต็มเทอมเหมือนเดิมคงเป็นไปได้ยากลำบาก ถึงจะอยู่แบบครบ จะครบ ไม่ครบ จะจบหรือไม่จบ ก็ต้องบอกกันว่า ต้องรอดูความเป็นไปได้ที่จะอยู่ให้ครบหรือไม่ครบ ต้องคอยติดตามตอนต่อไปให้รู้ชัดเสียก่อนอีกไม่น่าจะเกินปี 2 ปี คงไม่ถึงกับ 4 ปี 5 ปี ที่ทุกคนวาดหวัง

เพราะต้องมาถึงวันหนึ่งที่มีคำว่า งานเลี้ยงยังต้องมีวันจบและหนัง โขน ลิเก ก็ต้องมีวันจบ ซึ่งจะจบด้วยอุบัติเหตุหรือจบด้วยกาลเวลา หรือจะจบด้วยมีบุญบารมีอะไรก็แล้วแต่ขึ้นมา แต่ถ้าหากว่า จบไม่ได้ จบไม่ลง แต่ยังอยากจะอยู่ต่อ ก็ต้องสร้างบารมี สร้างความฉลาดในการแก้ไขปัญหาให้ชาติบ้านเมือง และแน่นอนถ้าแก้ปัญหา 3 – 4 ตัวได้ โรคโควิด-19  เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม สังคมให้อยู่ดี มีสุข ไม่ต้องกินดี อยู่ดีหรอก แค่กินอยู่แต่พอดีก็ถือว่า บุญได้แล้ว

เพราะว่า ตอนนี้เสียงแม่ค้า พ่อค้าก็ไม่มีใครชื่นชมรัฐบาลนี้เท่าไรเลย เพราะฉะนั้น เขาก็บอกว่า เขาไม่โทษรัฐบาล แต่เขาก็บ่นว่า เขาไม่มีความสุขในการขายข้าว ขายของไม่ได้ เงินเคยเข้า ไม่เข้า รายจ่ายเท่าเดิม รายได้ไม่เสริม แล้วจะอยู่อย่างไร ว่า ประชาชนอยู่ยาก รัฐบาลก็ต้องอยู่ลำบาก มันก็ดึงลากกันทำนองนี้

เจริญพร

You must be logged in to post a comment Login