- อย่าไปอินPosted 9 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เคดับบลิวเอชบี ตั้งเสาเอกสร้างโรงงาน หวังดันสินค้าสมุนไพรไทยส่งออกสร้างรายได้อันดับต้นของประเทศ
บ.เคดับบลิวเอชบี จำกัด ทำพิธีตั้งเสาเอกก่อสร้างโรงงาน ที่ จ.สมุทรสาคร ตั้งเป้าสกัดสารสมุนไพรไทยให้ได้หลากหลายชนิด พร้อมพัฒนาคุณภาพให้เป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นของประเทศ ลดการนำเข้า ส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้มากขึ้น
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2564 บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด ทำพิธีตั้งเสาเอกก่อสร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องสกัด ที่ ต.สวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เพื่อดำเนินธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย รวมถึงการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพร มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยมี นายวินัย วิทยานุกูล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ มาร่วมเป็นประธานในพิธี
โอกาสนี้ นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานบริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยนับว่าปลูกพืชสมุนไพรได้หลากหลายชนิด แต่ในยาบางตัวต้องนำเข้าสารสกัดจากต่างประเทศ ทั้งที่พืชตัวดังกล่าวปลูกที่ประเทศไทย ส่งไปขายในราคาถูก แต่เมื่อนำกลับเข้ามาเป็นสารสกัดมีราคาแพง จึงเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวเป็นวิศวกร มีความรู้ความชำนาญในเรื่องเครื่องจักร แต่มีความฝันว่าจะทำอย่างไรให้สารสกัดสมุนไพรไทยมีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ จึงได้ร่วมมือกับผู้พัฒนาสมุนไพรไทยก่อตั้งบริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด ร่วมกันพัฒนาสารสกัดที่ดีที่สุด ตั้งใจพาสมุนไพรไทย ไปสู่ชาวโลกให้ได้ ซึ่งการตั้งเสาเอก ถือเป็นเสาต้นแรกที่สำคัญ และจะเป็นแนวทางต่อยอดเสาต้นต่อๆ ไป ในอนาคต
ดร.ประคองศิริ บุญคง หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ความตั้งใจของเรา มีผู้มาสนับสนุนให้ความฝันเป็นจริง เพราะว่าประเทศไทยยังขาดสารสกัดสุมนไพรไทยที่มีคุณภาพ เราต้องนำเข้ามาตลอด เนื่องจากกระบวนการผลิตในไทยยังมีปัญหาเรื่องการปนเปื้อนอยู่มาก จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมแรงร่วมใจกัน ซึ่งสมุนไพรไทยมีมากมาย แต่ยังขาดการส่งเสริม ในระยะต้นจะเน้นพัฒนาพืชสมุนไพรบางชนิดที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ก่อน อาทิ กระท่อม ที่จะพัฒนาผสมในเครื่องดื่ม หรือ อาหาร ฟ้าทะลายโจรที่มีฤทธิ์ต่อตับหากรับประทานต่อเนื่อง ตรงนี้จะสามารถสกัดตัวพิษออกมาได้ ทำเป็นสเปย์ เพื่อช่วยออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเป็นที่ปรึกษาสำหรับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในการใช้สารสกัดที่มีคุณภาพและผ่าน อย.ด้วย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย
เภสัชกรสมนึก สุชัยธนาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กล่าวว่า ตลอดชีวิตรับราชการในกองพัฒนายาไทย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันเกษียณออกมาแล้ว มีความคิดว่าธุรกิจอุตสาหกรรมสมุนไพรจะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้ให้กับเกษตร และประเทศไทย สามารถพัฒนาให้เป็นสินค้าชั้นนำได้ ซึ่งโรงงานสกัดสมุนไพร เปรียบเหมือนโรงสีข้าว ที่จัดการทำให้สมุนไพรเป็นวัตถุดิบที่ดี ส่งให้ผู้บริโภค และที่สำคัญขั้นตอนการผลิตจะควบคุมคุณภาพขั้นสูงสุด เมื่อแปรรูปทุกอย่างแล้วจะไม่มีสิ่งใดที่ก่อให้เกิดมลพิษ ไม่เหลือแม้แต่กาก ไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญรัฐบาลตั้งเป้าให้ กระท่อม กัญชา กันชง เป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้เกษตรกร ดังนั้นจึงต้องมีโรงงานสกัดที่ดี เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้า นอกจากนี้ยังมีแนวคิดพัฒนาพืชอีกหลายตัว เช่น มะแกว่น หมากเม่า มะเกี่ยง ลูกหว้า คาดหวังว่าสิ่งที่ทำเป็นอนาคตของประเทศไทย เป็นสมาร์ทฟาร์ม เพื่อเกษตรกรไทยจริงๆ
ด้าน เภสัชกรโกวิทย์ พวงชมภู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและนักวิจัย กล่าวว่า การเข้ามาร่วมงานครั้งนี้มีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ 1.การหาคนปลูกสมุนไพร โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งจะมีการวัดสารออกฤทธิ์ ว่ามีเพิ่มขึ้น หรือปนเปื้อนหรือไม่ เพื่อคุณภาพของสารสกัดสมุนไพร 2. การเพิ่มมูลค่าของโรงงาน และ 3.ติดต่อนักวิจัยที่มีผลงานอยู่บนหิ้ง เพื่อนำมาศึกษาพัฒนาต่อยอดต่อไป
You must be logged in to post a comment Login