- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 7 hours ago
- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 7 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
ชู้ทางใจ
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 10 ม.ค. 65)
และแล้วสิ่งที่เกิดคาด เห็นจะเป็นเรื่องของทิดสึกใหม่ อย่างทิดมหาสมปอง ที่ลื่นไหวไปสู่เรื่องของเพศ ของกามอารมณ์ ถึงแม้ว่า จะไม่ตกจม แต่ก็มีเรื่องโจษจันมาสัมภาษณ์ขอให้เตือนหน่อยว่า อย่าดุดัน อย่าเพิ่งทิ้งกลิ่นผ้าเหลืองไปกุ๊กกิ๊กอะไรกับใคร ก็มีเรื่องจากบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดาราชื่อดัง ที่ออกมาฮือฮาว่า ชอบมาตั้งแต่เป็นเพศสมณะ เป็นพระ แอบปลื้ม แอบอะไรต่างๆ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า ชู้ทางใจ
แม้ยังไม่ได้ผิดธรรมวินัยข้ออาบัติ แต่ว่า ก็เป็นชู้ทางใจ ถ้าพูดในแง่ของลึกซึ้งก็เป็นความเสื่อมของพรหมจรรย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งพรหมจรรย์นี้ต้องไม่สร้างลงด้วยความไปหลงปลื้มในกายใคร ถ้าไปพอใจในกายใครมากกว่ามรรคผลนิพพานแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้มีความปรารถนาได้นิพพาน ย่อมไม่โง่กายใคร ย่อมไม่หลงใหลรูปโฉมใคร หรืออีกแนวหนึ่งว่า ผู้หวังมรรคผลนิพพานย่อมไม่หวังได้กายใครมาชื่นชม
ไม่หลงใหลรูปโฉม นอกจากคนโง่เท่านั้นที่จะลวงหลงในรูปโฉมได้ คนที่ไม่ปรารถนานิพพานอย่าว่าโง่เลย คนที่ไม่ได้ต้องการสิ่งสูงสุดก็จะถูกฉุดให้ชอบใจหลงใหลกายของเพศตรงข้าม แต่เดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่กลายเป็นเพศตรงข้ามแล้ว แต่เพศเดียวกันก็หลงใหลกันได้ แล้วก็มากขึ้นๆด้วยพวกหลงใหลกายเพศเดียวกัน เมื่อก่อนนี้มันก็มีแต่เพศตรงข้าม หรือต่างเพศ ก็เป็นเรื่องที่ต้องเรียกกันว่า มันแปลกดีที่เกิดพรรณ์นี้ได้
ถ้าเรื่องพรรณ์นี้ไม่มีเกิดขึ้นในหัวจิต หัวใจใคร มันก็คงจะต้องเรียกกันว่า คนนั้นเขาหวังมรรคผลนิพพานหรือเขาหวังอยากจะอยู่อย่างไม่เป็นภาระในร่างกายใคร พอหลงกายแล้วก็ต้องเป็นทาศ เขาถึงเรียกเจ้าบ่าว เจ้า แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ บ่าวก็แปลกว่า ผู้รับใช้ พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า เราไม่อยากรับใช้กายใครอีกแล้ว เพราะกายเราเองก็น่าเบื่อ เพราะฉะนั้น จึงไม่อยากหลงกายใครแล้ว ถ้าหลงกายเจ้าสาว เจ้าบ่าวก็แน่นอน อาจจะต้องเจอเจ้าสาวที่นอนติดเตียง เจอลูกที่เป็นพิกล พิกาย
รวมแล้วก็คือว่า ต้องเป็นบ่าวจริงๆ รับใช้จริงๆ ดังนั้น คนที่เป็นเจ้าบ่าวต้องคิดให้ดี หรือใครที่กำลังกุ๊กกิ๊ก อยากจะเป็นเจ้าบ่าวก็คิดซะให้ดี เอาล่ะ เรื่องนี้คนเขาบอกว่า ทำไมไม่เตือนซะบ้าง อาตมาคิดว่า เตือนอะไรกันบ่อยๆ คนเราเดี๋ยวเขารำคาญได้ เตือนครั้งเดียวก็พอแล้ว อย่าให้มาเตือนบ่อย เดี๋ยวลูกที่โดนพ่อแม่เตือนบ่อยมันยังรำคาญ ลูกศิษย์ที่โดนอาจารย์เตือนบ่อยก็ไม่แน่ อย่างเทวทัตโดนพระพุทธเจ้าเตือนบ่อยๆ หลวงตาสุภัททะ โดนพระพุทธเจ้าเตือนบ่อยๆ ก็เลยบอกพระว่า นี่อย่าไปสนใจพระพุทธเจ้าเลย ท่านดับขันธ์ไปก็ดีแล้ว จะมาร้องไห้ ร้องห่มทำไม
เลยเป็นอันว่า ใครจะให้เตือนเรื่องความหลงใหลร่างกายนี่ มันเตือนยากนะ นอกจากเขาจะมีอารมณ์กรรมฐาน อสุภกรรมฐาน เตือนใจเขาเท่านั้น เขาถึงจะเอาชนะเรื่องนี้ได้
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login