- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 5 hours ago
- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
วันความรักของกิเลส
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 14 ก.พ. 65)
14 กุมภาฯ วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก หรือวันที่ถูกมองกันว่า วันเสียเนื้อ เสียตัว มั่วเรื่องความรักแบบไม่มีสติปัญญา มีแต่ความอยาก และชั่วครู่ ชั่วยาม และเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นมา จะรับผิดชอบเลี้ยงดูยังไง ถ้ารักแบบมีขั้นตอน สู่ขอแต่งงาน มีเงินกองทุน ฝ่ายเจ้าสาว เจ้าบ่าว ก็รอดตัวไป แต่ถ้าไปแต่งงานกันแบบคล้อยตามอารมณ์เคลิ้ม เห็นเขาไปสนุกสนาน และแล้ววันวาเลนไทน์เป็นวันความรักของกิเลส ตัณหา ไม่ใช่ความรักของสติปัญญา หรือเมตตา ปรารถนาให้เป็นสุข
ช่วงวันวาเลนไทน์กับวันมาฆบูชาติดกัน แห่งกันแค่ 2 วัน ซึ่งวันมาฆบูชาก็ต้องถือว่า เป็นวันแห่งความรักเหมือนกัน คือ สาวกรักเคารพพระพุทธเจ้า เคยเดินทางมาพบพระพุทธองค์ โดยไม่ได้นัดหมายมาถึง 10,250 รูป เป็นพระที่พระพุทธเจ้าบวชให้ทั้งสิ้น โดยชนิดที่เรียกว่า มาหัวใจตรงกัน หัวใจอยู่ตรงที่พระพุทธเจ้าด้วยกันทั้งหมด 1,000 กว่ารูป และเมื่อมาแล้วสิ่งที่ได้รับกลับไปก็คือ คำสอนที่เราเรียกว่า โอวาทปาติโมกข์
โอวาทปาติโมกข์ มีทั้งหมด 6 – 7 ข้อ แต่ว่า เอาซัก 3 ข้อแรก 1. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่ การงดเว้นลด ละเลิก การทำบาปทั้งปวง ทั้งทางกาย วาจา และใจ หรืออกุศลกรรมบก 10 เรียกว่า พระพุทธเจ้าทรงเห็นความสำคัญระหว่างบุญกับบาป ควรทำจัดการอันไหนก่อน ถ้าทำบุญแล้วไมได้ละบาป มันก็จะกลายเป็นบุญเกื้อบาป บาปเกื้อบุญ ไม่พ้นวงจรที่จะทำให้เหนือกรรม เหนือบาป เหนือบุญ
เมื่อละชั่วได้แล้ว ก็เติมให้เต็มด้วย ข้อ 2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่างอันเป็นไปทางกาย วาจา และใจ หรือกุศลกรรมบก 10 ต่อมา ข้อ 3.การทำจิตใจให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใสปราศจากสิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมองและขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ เรียกว่า ทำจิตให้บริสุทธิ์ ข้อนี้ถือว่า เป็นข้อที่สำคัญ คนเรามีจิตเศร้าหมอง แต่จิตถูกห่อหุ้มด้วยรัก โลภ โกรธ หลง ไม่ได้เป็นผู้ที่มีจิตอันสมบูรณ์ด้วยความปรารถนาดี
จิตของมนุษย์นั้น ถ้าลองได้แจ่มใส หรือบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีเรื่องมัวหมอง เวลาโลภ มันก็หมอง เวลาโกรธ มันก็เศร้าหมอง เวลาลุ่มหลงในสิ่งต่างๆมึนเมา เหล้ายาอะไรต่างๆ มันก็เศร้าหมอง ดังนั้นระหว่างจิตเศร้าหมองกับจิตผ่องใส มันต่างกัน และคนเราก็ควรจะทำให้จิตแจ่มใสไว้ให้มากที่สุด
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login