วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ละหมาด ภูมิคุ้มกันทางจิตวิญญาณ

On April 2, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 1 เม.ย.  65)

ถ้าจะสอนวิชาแคลคูลัสที่เป็นวิชาคณิตศาสตร์ชั้นสูงให้เด็กชั้นประถมต้น คงไม่มีเด็กคนไหนเข้าใจ เด็กจึงต้องรู้จักตัวเลขและถูกฝึกให้รู้จักวิธีการบวก ลบ คูณ หาร เป็นเบื้องแรกเสียก่อน

 ศาสนาก็เป็นศาสตร์การใช้ชีวิตที่เด็กและวัยรุ่นอาจไม่เข้าใจ  ต่อเมื่อมีปัญญาหรือเข้าใจว่าโลกหลังความตายมีจริง  จึงรู้ซึ้งถึงความสำคัญของศาสนา ดังนั้น เด็กจึงต้องได้รับความรู้ศาสนาตั้งแต่เยาว์วัยควบคู่ไปกับวิชาสามัญ

อิสลามถือว่าการแสวงหาความรู้เป็นข้อบังคับทั้งทางด้านโลกและทางธรรม และอิสลามกำหนดให้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ต้องส่งลูกของตัวเองให้เรียนศาสนาตั้งแต่อายุ 7 ขวบจนสามารถละหมาดได้ และเมื่อเด็กอายุ 10 ขวบแล้วไม่ละหมาด  พ่อแม่ได้รับอนุญาตให้ลงโทษลูกของตัวเอง

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเมื่อเด็กบรรลุวัยผู้ใหญ่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อบาปบุญคุณโทษ  เด็กจะได้ดำรงความเป็นมุสลิมและสามารถสืบทอดวัฒนธรรมทางจิตวิตญาณของบรรพบุรุษต่อไปได้  แต่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การให้เด็กเรียนศาสนาและฝึกละหมาดก็เพื่อเป็นการให้วัคซีนทางจิตวิญญาณแก่เด็กควบคู่ไปกับวัคซีนป้องกันโรคบางอย่างทางด้านร่างกาย

ในอิสลาม  ความเป็นผู้ใหญ่ของเด็กผู้ชายเริ่มต้นตั้งแต่เด็กมีความรู้สึกทางเพศซึ่งจะสังเกตุได้จากการที่เด็กเริ่มมีการฝันเปียก  ส่วนเด็กผู้หญิงเริ่มบรรลุวัยผู้ใหญ่เมื่อมีประจำเดือนครั้งแรก

หากใครสงสัยว่าทำไมอิสลามจึงให้ความสำคัญเรื่องละหมาดก็ขอให้ทำความเข้าใจจากความจริงต่อไปนี้

ความรักลูกเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่พ่อแม่เพื่อปกป้องดูแลลูกของตัวเอง ไม่มีพ่อแม่คนใดนิ่งเฉยเมื่อเห็นลูกเล็กของตนคลานหรือเดินไปใกล้กองไฟ เพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง

 เมื่อโตขึ้น  เด็กเริ่มรู้ว่าไฟร้อน จึงไม่เข้าใกล้  แต่มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่แค่เพียงโลกใบนี้เท่านั้น  หลังความตายยังมีอีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกแห่งการตัดสินที่มีนรกและสวรรค์รอมนุษย์อยู่ สวรรค์เป็นจุดหมายปลายทางที่ทุกคนปรารถนา  ส่วนนรกนั้นไม่มีใครอยากไปเพราะเมื่อพูดถึงนรกแล้ว คำสอนของทุกศาสนาพูดเหมือนกันว่ามันเป็นโลกแห่งไฟสำหรับลงโทษคนทำบาป

ในตอนเป็นเด็ก  มนุษย์ทุกคนมีพ่อแม่คอยปกป้องคุ้มครองมิให้อันตรายเกิดขึ้น  เมื่อโตขึ้น หากพ่อแม่ยังอยู่ พ่อแม่ก็อาจทำหน้าที่ตักเตือนลูกของตัวเองมิให้ทำความชั่วอันเป็นสาเหตุนำไปสู่ไฟนรกได้เพราะความหวังดี ยกเว้นพ่อแม่จะเฉยเมยต่อพฤติกรรมบาปของลูกตัวเองหรือลูกจะเชื่อฟังพ่อแม่หรือไม่

แต่เมื่อเพื่อแม่ตายจากไปหรือลูกไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ใครเล่าที่จะทำหน้าที่ตักเตือน?

 ด้วยเหตุนี้เอง  พระเจ้าจึงกำหนดให้มุสลิมมีหน้าที่ต้องละหมาดวันละ 5 เวลาเพื่อเป็นการเตือนตัวเองมิให้ทำบาป เพราะคัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ว่า “แท้จริง การละหมาดจะช่วยยับยั้งจากความชั่วช้าและความลามก”

การละหมาดจึงถือเป็นความรัก ความเมตตาและความห่วงใยที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ในยามที่ไม่มีผู้หวังดีคนใดคอยตักเตือนหรือยับยั้งมนุษย์มิให้ทำความชั่ว

มีคำสอนของนบีมุฮัมมัดอีกมากมายที่พูดถึงความสำคัญของการละหมาด เช่น การละหมาดเป็นรากฐานของศาสนา การละหมาดเป็นสิ่งที่ใช้จำแนกอย่างชัดเจนว่าใครเป็นมุสลิม  ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพหลังความตาย สิ่งแรกที่พระเจ้าจะถามมนุษย์ก็คือการละหมาด 


You must be logged in to post a comment Login