วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บทเรียนจากการสร้างอาดัม (ต่อ)

On June 10, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  10 มิ.ย.  65)

เรื่องราวการสร้างอาดัมมีกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิลและในคัมภีร์กุรอาน  แต่การบอกเล่าเรื่องราวการสร้างอาดัมในคัมภีร์กุรอานมีวัตถุประสงค์ที่จะให้อะไรหลายอย่างแก่ผู้ศึกษาอย่างตรึกตรอง

ประการแรก  คัมภีร์กุรอานให้เกียรติมนุษย์ตั้งแต่มนุษย์เริ่มถูกสร้างเมื่อพระเจ้ากล่าวแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า “ฉันจะสร้างตัวแทนขึ้นมาบนหน้าแผ่นดิน” ตัวแทนในที่นี้มิได้หมายถึงให้มนุษย์มาเป็นพระเจ้าแทนบนหน้าแผ่นดิน  แต่หมายถึงการส่งมนุษย์มาทำหน้าที่บางอย่างตามที่พระเจ้าจะมอบหมายให้

นั่นหมายความว่าพระเจ้าวางแผนที่จะส่งอาดัมมาบนโลกใบนี้แล้วตั้งแต่ก่อนสร้างอาดัม

แม้อาดัมจะถูกสร้างมาจากดินและถูกพระเจ้าเป่าวิญญาณให้เป็นมนุษย์ขึ้นมาแล้ว แต่อาดัมไม่อาจเป็นตัวแทนของพระเจ้าได้หากปราศจากความรู้ความสามารถ  ด้วยเหตุนี้  พระเจ้าจึงได้สอนความรู้และประทานความสามารถให้อาดัม  ด้วยความรู้ที่พระเจ้าสอนให้แก่อาดัมนี้เองที่ทำให้อาดัมมีเกียรติสูงส่งถึงขนาดที่พระเจ้าสั่งให้ทุกสรรพสิ่งในอาณาจักรของพระองค์กราบนบนอบต่ออาดัม  นั่นหมายความว่าหากอาดัมต้องการทำสิ่งใด  สิ่งถูกสร้างทั้งหลายในชั้นฟ้าและแผ่นดินต้องตอบสนองความต้องการของอาดัม

และเพื่อเป็นการสอนบทเรียนสำคัญเรื่องการเชื่อฟังพระเจ้า ฉากความโอหังของอิบลีสหัวหน้ามารที่ปฏิเสธคำบัญชาของพระเจ้าได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของอาดัม  เมื่อพระเจ้าจะลงโทษมันในฐานไม่ยอมเชื่อฟัง มันได้ขอต่อพระเจ้าให้ประวิงเวลาลงโทษมันไว้จนถึงวันสิ้นโลกเพื่อที่มันจะหลอกลวงลูกหลานของอาดัมให้ฝ่าฝืนพระองค์  ดังนั้น มันจึงถูกเนรเทศออกมาจากอาณาจักรของพระเจ้า  และตั้งแต่นั้นมา  ด้วยความริษยาอาฆาตต่ออาดัม อิบลีสจอมมารจึงทำตามที่มันขอต่อพระเจ้าไว้

หลังจากพระเจ้าสร้างเอวาเป็นคู่ครองให้อาดัมแล้ว พระองค์ได้ให้ทั้งสองอาศัยอยู่ในสวนสวรรค์ของพระองค์และบอกคนทั้งสองให้กินผลไม้จากต้นไม้หลากชนิดตามที่ต้องการและสั่งห้ามทั้งสองเข้าใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งคัมภีร์กุรอานมิได้ระบุว่าเป็นต้นอะไร  แต่การบอกเช่นนี้มีนัยสำคัญคือ อะไรก็ตามที่พระเจ้าสั่งห้าม อย่าได้เข้าใกล้เพราะอาจเกิดการพลั้งผิด

ขณะที่อาดัมและเอวาอยู่ในสวน  อิบลีสที่มีความริษยาอาฆาตต่ออาดัมได้เริ่มงานแรกของมันโดยการแสดงตัวเป็นผู้หวังดีกระซิบกับคนทั้งสองว่าสาเหตุที่พระเจ้าห้ามเข้าใกล้ต้นไม้ต้องห้ามเพราะผลไม้จากต้นไม้ต้องห้ามเป็นผลไม้ที่ทำให้ชีวิตเป็นอมตะ

เพียงคำลวงแค่นั้น  ทั้งอาดัมและเอวาหลงเชื่อจนเข้าไปใกล้และกินผลไม้จากต้นไม้ที่พระเจ้าสั่งห้าม พลันที่ทั้งสองกินผลไม้เข้าไป เสื้อผ้าของทั้งสองได้หลุดออกจากร่างและทั้งสองคนเกิดความละอาย จึงรีบดึงเอาใบไม้มาปกปิดอวัยวะที่พึงละอายของตัวเอง

ประการที่สอง  เรื่องราวการถูกหลอกลวงและความละอายของอาดัมและเอวาในตอนเสื้อผ้าหลุดจากร่างบอกให้รู้ว่าเมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์คู่แรก พระองค์ได้ให้มนุษย์มีเสื้อผ้าสวมใส่เหมือนกับสัตว์ที่พระองค์สร้างขนเป็นเสื้อผ้าให้มัน  แต่สิ่งที่ทำให้อาดัมและเอวาแตกต่างจากสัตว์คือ ทั้งสองมีความละอายเป็นคุณสมบัติประจำตัว แต่สัตว์ไม่มีความละอาย มันจึงไม่มีเสื้อผ้าปกปิดอวัยวะเพศ

การสวมใส่เสื้อผ้าของมนุษย์จึงไม่เพียงแต่เพื่อปกป้องร่างกายจากสภาพอากาศและบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมเท่านั้น  แต่ยังมีวัตถุประสงค์ทางศีลธรรมด้วย นั่นคือเพื่อปกปิดสิ่งพึงละอาย  ในอิสลามมีคำสอนว่า “ความละอายเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธา” และ “ใครที่ไม่มีความละอาย คนผู้นั้นก็สามารถทำได้ทุกอย่าง”

เรื่องราวดังกล่าวจึงเป็นต้นทางแนวความคิดของการกำหนดให้ผู้หญิงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิดยกเว้นใบหน้าและมือ  การปกปิดร่างกายไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังป้องกันไม่ให้เรือนร่างของผู้หญิงไปสร้างความปั่นป่วนให้แก่จิตใจหรือกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของผู้ชายที่สามารถทำผิดศีลธรรมและสร้างความเสียหายให้แก่ผู้หญิงได้ในภายหลัง


You must be logged in to post a comment Login